ศาลนัดตรวจหลักฐานคดี ‘อานนท์ นำภา’ ชุมนุม 3 ส.ค.63 ทนายเผยเตรียมพยานสู้ 90 ลำดับพิสูจน์ ว่าการปราศรัยเป็นไปด้วยความสุจริตและมีข้อเท็จจริงรองรับ
วันที่ 12 พ.ย. 2564 ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดตรวจพยานหลักฐาน คดีหมายเลขดำ อ.1629/2564 ที่พนักงานอัยการ สํานักงานคดีอาญา 7 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายอานนท์ นำภา อายุ 35 ปี ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน และแกนนำราษฎร เป็นจำเลยในความผิดฐานดูหมิ่นสถาบันตามมาตรา 112, ยุยงปลุกปั่น ตามมาตรา 116, พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ, พ.ร.บ.โรคติดต่อฯ, พ.ร.ก ฉุกเฉินฯ, พ.ร.บ.ควบคุมการโฆษณาฯ กรณีเมื่อวันที่ 3 ส.ค. 2563 จำเลยร่วมปราศรัยในการชุมนุม “เสกคาถาปกป้องประชาธิปไตย” หรือ ม็อบแฮร์รี่ พอตเตอร์ โดยศาลเบิกตัวนายอานนท์ จากเรือนจำพิเศษกรุงเทพมาฟังการพิจารณา
นายนรเศรษฐ์ นาหนองตูม ทนายความ เปิดเผยว่า วศาลนัดตรวจพยานหลักฐานในเหตุการณ์ชุมนุม ซึ่งนายอานนท์ได้ขึ้นปราศรัยเกี่ยวกับเรื่องการปฏิรูปสถาบัน ซึ่งฝ่ายโจทก์ได้ยื่นบัญชีพยานมาแล้ว ส่วนฝ่ายจำเลยได้เตรียมพยานบุคคล พยานเอกสาร และพยานวัตถุทั้งหมด 90 ลำดับ นำมาพิสูจน์ว่าสิ่งที่นายอานนท์ได้ปราศรัยในวันนั้นเป็นไปโดยสุจริตและมีข้อเท็จจริงรองรับ ไม่ได้มีเนื้อหาที่เป็นการดูหมิ่นสถาบันแต่อย่างใด
ส่วนการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ในคดีจัดการชุมนุมของ 3 แกนนำ ประกอบด้วย นายอานนท์ นายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือไมค์ ระยองและ น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือรุ้ง เสนอปฏิรูปสถาบัน เข้าข่ายเป็นการล้มล้างการปกครองได้พูดคุยกับนายอานนท์หรือไม่ นายนรเศรษฐ์ กล่าวว่า ได้พูดคุยระหว่างไปเยี่ยมหลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยแล้ว ซึ่งรัฐธรรมนูญมาตรา 49 วรรคท้ายระบุไว้ว่า การดำเนินการไม่กระทบกระเทือนต่อการดำเนินคดีอาญา หมายความว่าการพิจารณาคดีอาญาจำเป็นต้องพิจารณาตามองค์ประกอบในทางอาญาที่ทางกฎหมายกำหนดไว้ ไม่ใช่ว่าเมื่อศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยแล้วจำเลยในคดีอาญาจะผิดเลยหรือถูก ขอยกตัวอย่างกรณีการชุมนุมของกลุ่ม กปปส. ที่ศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยว่าเป็นการชุมนุมที่ได้รับการคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญ ต่อมาเมื่อมีการดำเนินคดีอาญาก็มีแกนนำหลายคนที่ถูกพิพากษาลงโทษเหมือนกัน ดังนั้นแล้วความผิดในทางอาญากับความผิดที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยต้องแยกออกจากกัน จะมีแค่บางส่วนที่นำมาเป็นพยานหลักฐานได้
เมื่อถามว่า มีความกังวลกับการดำเนินคดีในวันนี้หรือไม่ นายนรเศรษฐ์ กล่าวว่า ในคดีนี้ไม่มีความกังวลเพราะคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญนั้นไม่ได้วินิจฉัยเกี่ยวกับเหตุการณ์วันที่ 3 ส.ค. 63 แต่เป็นการวินิจฉัยในเหตุการณ์ของวันที่ 10 ส.ค.63 ดังนั้นจึงเป็นคนละเหตุการณ์อยู่แล้ว และนายอานนท์ พร้อมที่จะต่อสู้คดี แต่การต่อสู้คดีอาจลำบากขึ้น เพราะนายอานนท์ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำมาเป็นระยะเวลา 2 เดือนแล้ว เมื่อไปพบหารือ ส่งเอกสาร ไม่สามารถเอาคลิปวีดีโอต่างๆ ไปปรึกษาแนวทางการสู้คดีกับได้
