ก้าวไกล จี้รัฐบาลกำชับตำรวจเข้มคดีรถหรูพุ่งชนรถบนทางด่วน ตั้งข้อสังเกตเจ้าหน้าที่ประวิงเวลาให้แอลกอฮอล์ลดลงจากเลือดหรือไม่ หวั่นซ้ำรอยคดี ‘บอส อยู่วิทยา’
พ.ต.ต.ชวลิต เลาหอุดมพันธ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีที่นายสุทัศน์ สิวาภิรมย์รัตน์ นักธุรกิจรายใหญ่ ผู้ขับขี่รถหรูเบนท์ลีย์ สีเทา แซงซ้ายชนรถยนต์ปาเจโรและรถดับเพลิงบนทางด่วนพิเศษเฉลิมมหานคร เป็นเหตุให้ทรัพย์สินของผู้อื่นเสียหาย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวน 6 ราย เมื่อวันที่ 8 ม.ค.ที่ผ่านมา ว่า ขอเรียกร้องไปยังรัฐบาลต่อการดำเนินงานของตำรวจ ขอให้ดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด ไม่มีการเอื้อประโยชน์ต่อบุคคลกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง
“ตั้งข้อสังเกตว่าเป็นผู้มีอิทธิพลต่อพรรคการเมืองในพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่ การปฏิบัติงานของตำรวจมีความล่าช้า และไม่มีการตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์ในที่เกิดเหตุ ซึ่งแอลกอฮอล์ในเลือดจะลดลงเป็นรายชั่วโมง จากการปฏิบัติงานของตำรวจทำให้เชื่อได้ยากว่าผู้ต้องหาจะมีระดับแอลกอฮอล์ไม่เกินที่กฎหมายกำหนดซึ่งจะทำให้ความผิดเบาลง” พ.ต.ต.ชวลิต กล่าว
พ.ต.ต.ชวลิต กล่าวว่า หากไม่มีหลักฐานว่าเมาแล้วขับ คดีก็อาจเป็นการขับรถโดยประมาทจนทำให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน ปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ แต่ความผิดจากกรณีเมาสุราแล้วขับทำให้เกิดอุบัติเหตุมีผู้ได้รับบาดเจ็บต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1-5 ปี ปรับตั้งแต่ 20,000-100,000 บาท หรือทั้งจำและทั้งปรับ โดยที่ศาลสามารถสั่งพักใบอนุญาตขับขี่ไม่น้อยกว่า 1 ปี หรือเพิกถอนใบขับขี่ได้ ซึ่งไม่น่าแปลกใจว่าผู้ต้องหาคนดังกล่าว พยายามทุกขั้นตอนเพื่อหลีกเลี่ยงการทดสอบระดับแอลกอฮอล์ในที่เกิดเหตุเพื่อลดโทษ
สำหรับผลตรวจความเร็วของรถหรูคันดังกล่าวจากกองพิสูจน์หลักฐานพบว่า ขับขี่เร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนด แต่การตรวจระดับแอลกอฮอล์นั้น ตำรวจได้ส่งผู้ต้องหาคนดังกล่าวไปตรวจเลือดที่รพ.ตำรวจและผลเลือดจะออกต้นเดือน ก.พ. 66
“ขอฝากข้อสังเกตว่าตำรวจปฏิบัติงานล่าช้าเป็นการประวิงเวลาให้แอลกอฮอล์ลดลงจากเลือดหรือไม่ และไม่อยากให้ซ้ำรอยคดีของนายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือบอส ขอให้ตำรวจทุกนายปฏิบัติหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา และขอให้ดูแลความเป็นธรรมกับประชาชนอย่างทั่วถึง” พ.ต.ต.ชวลิต กล่าว










