การแถลงหลังประชุมคณะรัฐมนตรีวันนี้มีหลายประเด็น ที่น่าสนใจ คือ นายกรัฐมนตรี ขอให้แยกแยะการใช้งบประมาณจ้างศิลปินดังระดับโลกมาเคาท์ดาวน์ที่ประเทศไทย เพราะหวังยกระดับการท่องเที่ยว และกรณีอดีตพระยันตระ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบแล้ว ส่วนความเคลื่อนไหวชุมนุมใหญ่ วันที่ 31 ต.ค.ขอให้อยู่ในกรอบกฎหมาย
นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ตอบคำถามสื่อมวลชนแทน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กรณีที่รัฐบาลทุ่มงบประมาณจ้าง ลิซ่า แบล็กพิงก์ หรือ ลลิษา มโนบาล และ แอนเดรีย โบเชลลี มาร่วมงานเคาท์ดาวน์ปีใหม่ ซึ่งถูกวิจารณ์ว่าเป็นการใช้งบฯไม่คุ้มค่า และควรนำเงินดังกล่าวไปใช้ในการช่วยเหลือบรรดาธุรกิจรายย่อย หรือในการฟื้นฟูประเทศด้านอื่น ๆ เรื่องดังกล่าว ว่า พล.อ.ประยุทธ์ ชี้แจงว่าให้แยกแยะว่าเราใช้จ่ายงบประมาณในการดูแลธุรกิจต่างๆ ไปอย่างไร เท่าไหร่ ประเด็นนี้ได้รับการชี้แจงจากกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ว่าจะเป็นการโปรโมทการท่องเที่ยว โดยงบที่ใช้เป็นงบประมาณที่ได้รับเพิ่มเติมจากช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา ในการเปิดภูเก็ตและอื่นๆ ที่มีผลประกอบการดีขึ้น
เราต้องเน้นโปรโมทการท่องเที่ยวประเทศไทย ในการยกระดับการท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศด้วย
ส่วนกรณีกรณีที่มีพระสงฆ์ยังคงไปกราบไหว้และรับฟังคำสอนจากนายวินัย ละอองสุวรรณ หรือ อดีตพระยันตระ ทั้งที่ไม่ใช่พระสงฆ์แล้วและจะมอบหมายให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ดำเนินการอย่างไรต่อกรณีนี้ นายธนกร กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีได้ชี้ว่าได้มอบหมายให้ตรวจสอบติดตามว่า เป็นการดำเนินการถูกต้องตามพระวินัยสงฆ์หรือไม่ ตั้งแต่วันที่ทราบข่าวการเคลื่อนไหวของอดีตพระยันตระแล้ว ขณะนี้ก็คงต้องรอผลการตรวจสอบจากหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ส่วนกรณีการชุมนุมใหญ่ วันที่ 31 ต.ค. นี้ ปัจจัยแทรกซ้อนที่นำไปสู่ความรุนแรงอย่างไร นายธนกร กล่าวว่า ต้องขอความร่วมมือจากประชาชน ช่วงเวลานี้มีภารกิจที่สำคัญมากมายอยู่หลายประการ ที่จำเป็นจะต้องช่วยกันรักษาสเถียรภาพทางการเมือง ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของทางราชการและประชาชน ขอความร่วมมือให้ปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องรัฐบาลและเจ้าหน้าที่จะไม่สร้างเงื่อนไขเพิ่มเติม
อยากเรียนรู้คนเห็นต่างมากขึ้นไหม ตอบคำถามด้านล่าง เพื่อมาคุยกันตัวต่อตัวได้ใน “Thailand Talks Project“
