ตำรวจหน้าศาล รธน.TPN

‘ณฐพร’ จี้ กกต. ใช้คำวินิจฉัยศาล รธน. เอาผิดพรรคก้าวไกลหนุนชุมนุม

การเมือง

มีความเห็นหลังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยกรณี 3 แกนนำชุมนุม เข้าข่ายการกระทำล้มล้างสถาบัน

วันที่ 10 พ.ย. 2564 นายณฐพร โตประยูร อดีตที่ปรึกษาประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน ผู้ร้องขอให้ศาล รธน.วินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 ให้สัมภาษณ์ภายหลังศาล รธน.อ่านคำวินิจฉัยคดีเสร็จสิ้นว่า กระบวนการหลังจากนี้เป็นอำนาจหน้าที่ของตำรวจและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง รวมถึงอัยการที่จะนำคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญไปดำเนินคดีอาญา โดยยอมรับว่า หลังมีคำตัดสินชี้ขาดมา ส่วนตัวไม่ได้สบายใจ หรือสุขใจ เพราะไม่ต้องการให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ในประเทศไทยและไม่ต้องการให้มีกระบวนการที่อยู่เบื้องหลังการล้มล้างทำลายสถาบัน

“มั่นใจต่อคำร้องนี้เนื่องจากมีพยานหลักฐาน ปัจจุบันมีกระบวนการชักศึกเข้าบ้าน นำองค์กรต่างชาติเข้ามาดำเนินการกับประเทศไทย พร้อมกับตั้งคำถามว่า การล้มล้างสถาบันประชาชนได้อะไร ซึ่งหากเป็นการดำเนินการเพื่อปัญหาปากท้องของประชาชนจะเกิดประโยชน์กว่า ส่วนตัวอยากให้แก้ไขปัญหาเรื่องสัญญาณดาวเทียม น้ำมัน จะดีกว่า” นายณฐพร กล่าว

นายณฐพร กล่าวว่า สำหรับข้อเสนอการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา ม.112 ของฝ่ายการเมือง ยืนยันว่าจากคำวินิจฉัยจะทำให้คำร้องเอาผิดและยุบพรรคก้าวไกลดำเนินการได้ หลังยื่นคำร้องกับ กกต.ไว้ตาม ม. 92 เชื่อว่า กกต.จะขอคัดถ่ายสำเนาคำวินิจฉัยของวันนี้ และไปดำเนินการเนื่องจากพรรคการเมือง และ ส.ส.ของพรรคดังกล่าวให้การสนับสนุนทางการเงิน และการประกันตัวผู้ต้องหา รวมถึงอ้างว่ามีการไปร่วมชุมนุมถือเป็นความผิด ซึ่งเชื่อมั่นว่าคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญวันนี้จะเป็นสารตั้งต้นในการฟ้องร้องเอาผิดต่อผู้กระทำการละเมิดต่อสถาบัน

ด้าน น.ส.ปนัสยา อ่านแถลงการณ์ยืนยันว่า 10 ข้อเรียกร้องไม่ได้มีวัตถุประสงค์หรือมีเจตนาเป็นไปเพื่อล้มล้างการปกครองในระบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามที่นายณฐพรร้อง

ขณะที่ นายกฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน กล่าวว่า หลังจากนี้จะนำคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญไปตรวจสอบให้ละเอียดอีกครั้ง ว่ามีส่วนใดที่คำวินิจฉัยเกินอำนาจศาลรัฐธรรมนูญหรือไม่ รวมถึงไปกระทบต่อสิทธิของประชาชนตามรัฐธรรมนูญกำหนดตามมาตรา 49 วรรค 2 หรือไม่ เนื่องจากมีคำสั่งห้ามบุคคลอื่นหรือผู้หนึ่งผู้ใดกระทำการในลักษณะนี้อีกในอนาคต และคำวินิจฉัยนี้จะผูกพันไปทุกองค์กร อาจถูกนำมาเป็นบรรทัดฐานอ้างอิงในคดีอาญาอื่นๆ ส่วนแกนนำจะเคลื่อนไหวต่ออีกหรือไม่ ถือเป็นสิทธิ์ของแต่ละบุคคลที่จะพิจารณา

ด้าน ผศ.ดร.ประจักษ์ ก้องกีรติ รองคณบดีฝ่ายวิจัยและบริการวิชาการ คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้ทวีตข้อความว่า คำตัดสินวันนี้: 1.เขียนรธน.ขึ้นมาใหม่เสียเองโดยคณะบุคคลที่ไม่ได้ยึดโยงกับประชาชน 2.สร้างหลักการปกครองแบบใหม่ที่ออกนอกกรอบ constitutional monarchy 3. ทำลาย/บิดเบือนหลักการ constitutional monarchy ที่บัญญัติใน รธน.ของไทยและสากล 4.ทำลายหลักการเรื่องอำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชน

TODAYWriterTODAY

Podcast

บทความที่เกี่ยวข้อง