โค้งสุดท้ายการหาเสียงเลือกตั้งซ่อม ส.ส.เขต9 หลักสี่-จตุจักร หลายพรรคการเมืองเปิดเวทีปราศรัยใหญ่ และลงพื้นที่ใกล้ชิดประชาชน ก่อนการเลือกตั้งที่จะมีขึ้น 30 ม.ค.นี้
วันที่ 28 ม.ค. 2565 พรรคเพื่อไทยเปิดเวทีปราศรัยใหญ่ ยกทัพกรรมการบริหาร และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ปราศรัยใหญ่ ณ สวนสาธารณะ เคหะทุ่งสองห้อง ขอคะแนนชาวหลักสี่-จตุจักร ให้นายสุรชาติ เทียนทอง ผู้สมัครเลือกตั้งซ่อม ส.ส. กทม.เขต 9 ภายใต้คอนเซปต์ “เลือกเพื่อไทย : เพื่อศักดิ์ศรี เพื่อประชาธิปไตย เพื่อเงินในกระเป๋าพี่น้องประชาชน”
นายสุรชาติ ปราศรัยถึงเรื่องราคาค่าโดยสารรถไฟฟ้า โดยเฉพาะสายสีแดงที่ค่าโดยสารแพงจนแทบจะไม่มีคนใช้บริการ พร้อมยืนยันว่าไม่เคยว่าร้ายใคร ที่ออกไปพบประชาชนทุกวันเพียงเพื่อพิสูจน์ตัวเอง การที่เข้าสภาครั้งนี้ไม่ได้ไปปกป้องใคร แต่ไปเพื่อรับใช้ประชาชน ส่วนเรื่องการปฏิรูประบบราชการ ที่ต้องการให้ประชาชนและข้าราชการมีความสุขมากขึ้น ซึ่งพรรคเพื่อไทยจะทำให้เกิดขึ้นอีกครั้ง
นายสุรชาติ กล่าวว่า 17 ปีที่ผ่านมา เคยเสียน้ำตาเพื่อการเมืองแค่ 1 ครั้ง คือวันหลังประกาศผลเลือกตั้งตนขึ้นรถแห่ไปขอบคุณประชาชนแม้แพ้เลือกตั้ง เพราะไม่ว่าจะไปที่ไหนประชาชนร้องไห้ให้กับความพ่ายแพ้ของตน น้ำตาในวันนั้นทำให้ตนมีวันนี้และตั้งใจว่าครั้งนี้จะแพ้ไม่ได้อีกแล้ว ซึ่งตนจะทวงศักดิ์ศรีให้ชาวหลักสี่-จตุจักร การเลือกตั้งครั้งนี้ไม่ได้สำคัญแค่กับชีวิต แต่สำคัญกับชาวหลักสี่ จตุจักร หากได้เป็นส.ส. ประชาชนไม่ต้องไปส่งเข้าสภา เพราะจะแบกศักดิ์ศรีทุกคนเข้าสภาเอง

‘ก้าวไกล’ ยันอยู่ฝ่ายประชาธิปไตย พร้อมสู้เพื่ออนาคตลูกหลาน
ส่วนพรรคก้าวไกลปักหลักเวทีปราศรัยใหญ่ ที่ตลาดเจเจกรีน 2 เขตหลักสี่ นายกรุณพล เทียนสุวรรณ ผู้สมัครเลือกตั้งซ่อม ส.ส. กทม.เขต 9 พรรคก้าวไกล เปิดเวทีปราศรัยใหญ่ครั้งสุดท้ายก่อนการเลือกตั้งซ่อมในวันอาทิตย์ ที่ 30 ม.ค. โดยมีแกนนำและสมาชิกพรรคก้าวไกล นำโดยนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค แสดงวิสัยทัศน์ถึงอนาคตประเทศไทยที่ขับเคลื่อนด้วยการเมืองแห่งความหวัง
นายกรุณพล กล่าวว่า หลายสิบปีในอาชีพนักแสดง เจอเรื่องราวมากมาย วันนี้เส้นทางชีวิตเปลี่ยนมาเป็นอาชีพนักการเมือง สิ่งที่อยากทำมีมากมายเหลือเกิน และคิดว่าการเป็นนักการเมืองน่าจะตอบโจทย์ รู้ตัวดีว่าเป็นผู้สมัครพื้นที่นี้มีหลายอย่างถาโถมเข้ามาในชีวิต เหมือนครั้งที่แล้วขึ้นเวทีถึงขั้นน้ำตาไหล แต่วันนี้ได้รับกำลังใจจากหลายคน ทำให้เข้มแข็งมากขึ้น วันนี้มีพรรคการเมืองใหม่ที่ต่อสู้ในรัฐสภาที่เราน่าจะชนะได้ จนทำให้วันนี้ ได้เข้ามาอยู่ในพรรคก้าวไกล และอุดมการณ์ของเรามั่นคงแน่วแน่ ที่เราจะไม่ยอมทุนผูกขาด แย่งประชาธิปไตยไปจากพวกเรา
ด้านนายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรค กล่าวว่า เสียงของเราทุกคนมีความหมาย เป็นเสียงของความเปลี่ยนแปลง ขอให้ช่วยกันส่งเสียงว่า เราต้องการเดินไปสู่อนาคตแบบใหม่ หลายคนบอกว่าเราต้องชนะขาด อยากบอกว่า ชัยชนะเด็ดขาดที่แท้จริงคือชัยชนะที่เป็นของประชาชน ไม่ใช่ชัยชนะที่ไปแบ่งปันอำนาจชั่วครู่ชั่วคราว นั่นจึงเป็นเหตุผลว่า ทำไมจึงต้องเลือกพรรคก้าวไกลเพื่อไปเปลี่ยนแปลงอย่างถึงราก ชัยชนะของประชาธิปไตยจะต้องยกระดับ ประชาชนต้องไม่ยอมให้การต่อสู้ที่แลกมาด้วยเลือดเนื้อที่ผ่านมาถูกนำไปแลกเปลี่ยนผลประโยชน์กันหลังฉากอีกต่อไป

‘อรรถวิชช์’ ขอคะแนนเสียงเข้าไปแก้ปัญหาระบบราชการล้าหลัง ทำงานเพื่อประชาชน
ขณะที่พรรคกล้า นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี ผู้สมัครเลือกตั้งซ่อม ส.ส. กทม.เขต 9 จัดเวทีปราศรัยใหญ่ที่สนามฟุตบอลเคหะท่าทราย ขอประชาชน “รวมพลัง เลือก การเมืองคุณภาพ” มีผู้ร่วมปราศรัยจากหลายวงการการ อาทิ นายแก้วสรร อติโพธิ นักกฎหมายอดีต คตส. , รศ.ต่อตระกูล ยมนาค นายกสมาคมวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ และโจ มณฑานี ตันติสุข นักเขียน นักจัดรายการวิทยุ
นายอรรถวิชช์ ปราศรัยว่า ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลเผด็จการ หรือรัฐบาลประชาธิปไตย สิ่งที่เขาทำไม่ได้ คือการต่อสู้ระบบราชการหลัง แต่พรรคกล้าพร้อมที่จะเดินหน้าภารกิจนี้ เดินหน้าปรับปรุงระบบราชการล้าหลัง ซึ่งบทบาท ส.ส. เป็นตำแหน่งที่ประสานระหว่างประชาชนกับราชการได้ดีที่สุด
นายอรรถวิชช์ ปราศรัยถึงผลงานที่ประสานติดตามในอดีต ทั้งการติดตามประสานให้เกิดศูนย์สาธารณสุขที่ 51 , ติดตามประสานจนเกิดการเปิดทางซอยอาภาภิรมย์ , ติดตามประสานให้เกิดทางลัดชั่วคราว ระหว่างถนนวิภาวดีข้างโรงงานยาคูลท์ ไปถึงถนนพหลโยธิน แก้ปัญหาจราจรหนาแน่น และกำลังจะเป็นถนนถาวร พร้อมเขื่อนริมคลองแล้ว และบอกชัดเจนว่าภารกิจ 1 ปีที่เหลืออยู่ตั้งใจเข้าไปทำภารกิจคลองเปรมประชากร โดยเฉพาะเรื่องบ้านมั่นคง ที่มีความเห็นต่างกันอยู่ แต่ไม่มี ส.ส. ที่มีความสามารถเข้าไปเจรจา นักการเมืองคุณภาพมันถึงสำคัญในการเลือกตั้งคราวนี้
“ถ้าเป็นการเลือกตั้งใหญ่ เป็นการเลือกตั้งในเชิงปริมาณ แต่การเลือกตั้งซ่อม ต้องเลือกผู้แทนที่มีคุณภาพจริง พร้อมย้ำถึงแนวคิดการลงมือทำ อยากเห็นวิธีคิดแบบปฏิบัตินิยมเกิดขึ้นในคนรุ่นใหม่ และรู้สึกดีที่การเลือกตั้งครั้งนี้ มีเพื่อนต่างพรรค ทั้งประชาธิปัตย์ ภูมิใจไทย มาเชียร์” นายอรรถวิชช์ กล่าว

‘ไทยภักดี’ ขอ 1 เสียงเข้าสภาสนับสนุนนายกฯ
ที่ลานกีฬาชุมชนเสนานิคม 2 แขวงเสนานิคม เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร พรรคไทยภักดี เปิดปราศรัยใหญ่ เปิดปราศรัยใหญ่ “ไทยภักดี Special” นับ 1 จตุจักร-หลักสี่ เติมคนดีเข้าสภา นำโดยนพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม หัวหน้าพรรคไทยภักดี พร้อมด้วยนายพันธุ์เทพ ฉัตรนะรัชต์ ผู้สมัครลงเลือกตั้งซ่อมส.ส.กทม. เขตหลักสี่-จตุจักรของพรรคไทยภักดี พล.ต.ท.ชาญเทพ เสสะเวช เลขาธิการพรรค แกนนำพรรคไทยภักดี พล.ต.นพ.เหรียญทอง แน่นหนา และนายถาวร เสนเนียม อดีตส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ เข้าร่วมด้วย
นพ.วรงค์ กล่าวว่า ถือเป็นโค้งสุดท้ายแล้ว และถือเป็นการชี้เป็นชี้ตายอนาคตของประเทศ การต่อสู้ของประชาชนกับกลุ่มการเมืองขนาดใหญ่ เราจึงต้องรบแบบจรยุทธรบในทุกรูปแบบ ซึ่งพรรคไทยภักดีทำเต็มที่อยู่ที่ประชาชนจะไว้วางใจหรือไม่ เรารู้ตัวเราดีการต่อสู้ของพรรคไทยภักดี กับพรรคใหญ่ไม่ต่างจากสงครามเวียดนาม เราเป็นพรรคการเมืองพรรคแรกที่ปราศรัยทุกวันจนประชาชนบอกว่าอยู่มา 70 ปี ไม่เคยมีพรรคการเมืองมาปราศรัยในชุมชน นอกจากนี้ การเลือกตั้งครั้งนี้คือการเลือกตั้งซ่อม ไม่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลและไม่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงในการกำหนดนโยบาย ที่ตนต้องพูดแบบนี้ เนื่องจากมีพรรคการเมืองบางพรรคหาเสียงแบบบิดเบือนด้วยการกำหนดนโยบายว่าจะทำโน้น ทำนี่ เช่น จะทำให้ค่าโดยสารรถไฟฟ้าเหลือ 20 บาท ซึ่งในความเป็นจริงมันทำไม่ได้ ขนาดพรรคมีส.ส.เป็น 100 คน ยังทำไม่ได้ จะเอาอีก 1 เสียงเข้าไปมันเป็นไปไม่ได้ เข้าข่ายโกหกหลอกลวงประชาชน
นพ.วรงค์ กล่าวว่า อยากบอกชาวเขตจตุจักรและหลักสี่ว่าจะเลือก ส.ส.ไปเป็นฝ่ายค้าน หรือจะเลือก ส.ส.เข้ามาสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรี ย้ำว่าพรรคไทยภักดี 1 เสียงจะ 1 เสียงคุณภาพและเป็นพันธมิตรกับนายกรัฐมนตรี เราตรงไปตรงมาไม่มีกั๊ก ทั้งนี้ ช่วงนี้เป็นช่วงโค้งสุดท้ายของการหาเสียงเลือกตั้งซ่อมมีกระแสวิพากษ์วิจารณ์โจมตีว่าพรรคว่าเกาะกระแสพล.อ.ประยุทธ์ ยืนยันว่าเราไม่ได้เกาะกระแสแต่เรายืนข้างพล.อ.ประยุทธ์ ตั้งแต่วันที่ 19 ส.ค.2563 แต่มีพรรคบางพรรคที่เพิ่งมาเกาะกระแส แต่พรรคไทยภักดีไม่ใช่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงปราศรัยช่วงหนึ่งนพ.วรงค์ กล่าวปราศรัยถึงเรื่องดาวเทียมไทยคม ถึงกับร้องไห้เสียงสะอื้นพร้อมกับกล่าวว่า สิ่งที่ตนดีใจและภูมิใจกับพล.อ.ประยุทธ์ รับลูกแต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบเรื่องดังกล่าวและต่อสู้กันหลายรอบ จนถึงขณะนี้ดาวเทียมไทยคมดวง 4 และดวง 6 กำลังจะเป็นของประชาชนอย่างสมบูรณ์แบบอย่างไรก็ตาม รอบนี้พรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้ส่งผู้สมัครรับเลือกตั้ง ขอคะแนนจากแฟนคลับพรรคประชาธิปัตย์ ให้เลือกพรรคไทยภักดีด้วย

หัวหน้าพรรค พปชร. ลงพื้นที่ใกล้ชิดประชาชน ขอ ส.ส.เข้าสภาสานงานต่อ
ส่วนพรรคพลังประชารัฐ แม้ไม่ได้จัดเวทีปราศรัยใหญ่ แต่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นำทีม ส.ส.พรรค ลงพื้นที่กลุ่มผู้สูงอายุ ที่วิภาวดี พาเลซ ช่วยนางสรัลรัศมิ์ เจนจาคะ ผู้สมัครเลือกตั้งซ๋อม ส.ส.เขต กทม.เขต9
โดย พล.อ.ประวิตร ได้ทักทายผู้สูงอายุและอ้อนขอเสียงสนับสนุน พร้อมกล่าวว่า รู้สึกดีใจที่ได้พบปะกับกลุ่มคนรุ่นเดียวกัน รักคนหลักสี่ - จตุจักร จึงอยากขอพลังจากทุกคนวันที่ 30 ม.ค.นี้ เข้าคู่หาเลือกพรรคพลังประชารัฐ เพราะเป็นพรรคการเมืองที่ให้ความสำคัญกับกลุ่มคนสูงอายุ และได้ร่วมกับรัฐบาลที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ดูแลความเป็นอยู่ของคนสูงอายุ จัดสวัสดิการ ไม่ว่าจะเป็นเงินเดือน ที่อยู่อาศัย และที่สำคัญประเทศไทยมีระบบสาธารณสุขที่ดี จึงทำให้คนสูงอายุ อายุยืน พร้อมย้ำผู้สูงอายุ มีความสำคัญต่อประเทศชาติ ต้องคอยดูแลบุตรหลานและคอยอบรมสั่งสอนให้บุคคลในครอบครัวอยู่ในสังคมไทยอย่างปรองดอง เพราะรัฐบาลต้องการให้คนไทยทุกคนเป็นกลุ่มเดียวกัน
พล.อ.ประวิตร กล่าวอีกว่า พลังประชารัฐยังคงสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ ให้เป็นผู้นำประเทศ เป็นนายกรัฐมนตรีต่อไป กระแสความขัดแย้งภายในพรรคนั้น ยืนยันไม่มี คิดกันไปเอง พร้อมให้สัญญาพลังประชารัฐ จะทำทุกอย่างเพื่อให้ประชาชนอยู่ดีมีสุข และจะทำให้คนสูงอายุสบายใจได้ว่ารัฐบาลจะดูแลต่อไปจนกว่าจะจากไป
ก่อนเดินทางกลับ พล.อ.ประวิตร ให้สัมภาษณ์ ภายหลังลงพื้นที่ช่วยหาเสียงถึงความมั่นใจในศึกเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้ว่า แล้วแต่ประชาชนเป็นผู้ตัดสินใจ การเลือกตั้งขึ้นอยู่กับประชาชน เมื่อถามว่า สถานการณ์ตอนนี้พรรคพลังประชารัฐถือว่ามีแต้มต่อหรือไม่ พล.อ.ประวิตร ส่ายหน้า พร้อมกล่าวว่า เราจะไปพูดอย่างนั้นไม่ได้ เพราะเราไม่รู้ ไม่มีใครรู้ ขณะที่สื่อมวลชนพยายามถามย้ำว่า มั่นใจว่าจะสามารถรักษาเก้าอี้ ส.ส.เขตหลักสี่-จตุจักร ไว้ได้หรือไม่ พล.อ.ประวิตร ย้ำว่าบอกไปแล้วว่าแล้วแต่ประชาชน











