‘สุทิน’ ตั้งกระทู้ถามสด ครม.ออกกฎหมายขายที่ดินให้ต่างชาติ มีความจำเป็นอะไร ด้าน ‘อนุพงษ์’ ลั่นกลางสภาฯ ไม่มีเจตนาขายชาติ ล้มกม.ขายที่ดินให้ต่างชาติได้ ถ้าปชช.ไม่สบายใจ
การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุมในวันนี้ (3 พ.ย. 65) ทั้งนี้ในการพิจารณากระทู้ถามสดของนายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ได้ตั้งกระทู้ถามสดพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กรณีมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ออกกฎกระทรวงให้ชาวต่างชาติที่นำเงินมาลงทุนในประเทศไทย 40 ล้านบาทขึ้นไป เป็นเวลาไม่น้อยกว่า 3 ปี สามารถซื้อที่ดินในประเทศไทยได้ 1 ไร่
โดยนายสุทิน กล่าวว่า ตรงนี้เป็นการสร้างความวิตก ต่างชาติเข้ามาเป็นเจ้าของที่ดิน ถึงขั้นถูกมองเป็น “กฎหมายขายชาติ” ดังนั้นอยากทราบว่า มีความจำเป็นอย่างไรจึงต้องมีมตินี้ออกมา รัฐบาลก่อนที่ทำมาตรการนี้ เพราะมีความจำเป็นต้องทำ เนื่องจากต้องปฏิบัติตามเงื่อนไข ไอเอ็มเอฟ (IMF) ปี พ.ศ. 2542 ที่ไปกู้เงินมา ทำให้รัฐบาล ปี 2545 ออกมาตรการให้ชาวต่างชาติซื้อที่ดินได้ แต่เป็นการทำด้วยความรอบคอบ มีมาตรฐาน ทำให้มีชาวต่างชาติมาซื้อดินแค่ 7-8 ราย ควบคุมได้ผล
“แต่ขณะนี้มีความจำเป็นบีบบังคับอะไร ต้องออกมาตรการนี้ ถ้าอ้างเรื่องปัญหาเศรษฐกิจแสดงว่า รัฐบาลจนมุมทางเศรษฐกิจ การเงินการคลังลำบาก ต้องพึ่งเงินต่างชาติ ถ้าปล่อยให้เป็นเช่นนี้ เกรงจะเกิดความไม่มั่นคงในชาติ เนื่องจากโครงสร้างเราอ่อนแอกว่าต่างประเทศ คนไทยยอมเป็นนอมินีให้ต่างชาติ เชื่อว่า ไม่มีใครคิดขายชาติ แต่หลายคนกังวลเป็นการขายชาติโดยไม่เจตนา” นายสุทิน กล่าว

ด้าน พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย เป็นตัวแทนมาชี้แจงกระทู้แทนนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวตอนหนึ่งว่า การออกมาตรการนี้มาจากคณะกรรมการเศรษฐกิจเชิงรุก ซึ่งเป็นคนรุ่นใหม่ เพราะวิกฤติเศรษฐกิจจากโควิด-19 จำเป็นต้องกระตุ้นเศรษฐกิจ จึงเปิดโอกาสให้ชาวต่างชาติมาลงทุน โดยมีแรงดึงดูดเรื่องที่อยู่อาศัย เพื่อให้เข้ามาลงทุนระยะยาว และมีเงื่อนไขรัดกุมกว่าเดิม
“ไม่มีเจตนาจะไปขายชาติ ไม่มีใครทำเช่นนั้นหรอกครับ ผมเชื่อมั่นว่าคนในรัฐสภาแห่งนี้ ไม่ว่าจะฝ่ายรัฐบาล ฝ่ายค้าน คงไม่มีใครมีเจตนาจะทำเช่นนั้น ก็ต้องเจตนา การจะไปพูดว่าขายชาติ ไม่มี ไม่มีใครคิดเช่นนั้น และก็ไม่มีใครคิดจะให้เขามาครอบครองที่ดินอย่างที่กลัว”
ส่วนที่เกรงคนต่างชาติจะซื้อที่ดินจำนวนมากเป็นผืนใหญ่นั้น เตรียมจะออกกฎเกณฑ์รองรับ ไม่ให้ซื้อที่ดินแปลงติดกัน ทำเป็นหมู่บ้านได้ อีกทั้งขณะนี้คณะกรรมการกฤษฎีกา ต้องนำเรื่องนี้ไปรับฟังความเห็นประชาชนก่อน เราอาจจะกำหนดให้เข้มงวดหรือยากกว่านี้ เช่น เพิ่มการลงทุนเป็น 100 ล้านบาท หรือกว่า 100 ล้านบาท หรือเพิ่มเวลาลงทุนจาก 3 ปี เป็น 10 ปี แล้วส่งให้ ครม. พิจารณาใหม่ หรืออาจจะล้มก็ได้ ตนก็เป็นหนึ่งในครม. ถ้าประชาชนอาจไม่สบายใจ มีความกังวลมาก ถ้าทักท้วงมาเราก็ทำได้ ไม่ถือว่าเป็นการเสียหน้า

พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวด้วยว่า ส่วนที่มองเป็นการจนมุมทางเศรษฐกิจนั้น การแก้ปัญหาเศรษฐกิจไม่ว่ารัฐบาลใด ไม่มีใครทำมาตรการเดียว ต้องทำทุกทาง ถ้าอยากได้นักท่องเที่ยว นักลงทุน ก็ต้องหาทางให้คนกลุ่มนี้เข้ามา ต้องใช้มาตรการผสมกันไปหลายอย่าง อย่าไปคิดเชิงกังวล ให้มองโลกแง่ดีบ้าง ส่วนเรื่องนอมินีนั้น ไม่เกี่ยวกับการให้คนต่างชาติซื้อที่ดิน ต้องไปแก้กฎหมายอื่น










