‘รังสิมันต์ โรม’ จี้ นายกฯ ทบทวน กรณีรับ ‘อดีตปธน.ศรีลังกา’ เข้าไทย ชี้ฉุดภาพลักษณ์ประเทศมัวหมอง
นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคก้าวไกล แสดงความเห็นผ่าน เฟซบุ๊กส่วนตัว กรณีอดีตประธานาธิบดี โคฐาภยะ ราชปักษา ของศรีลังกา เข้ามาพำนักในไทยชั่วคราวตั้งแต่ค่ำวานนี้ (11 ส.ค. 65) ว่า “กรณีที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ออกมายืนยันกรณีที่อดีตประธานาธิบดีศรีลังกา กำลังจะขอเข้ามาพักรอลี้ภัยไปประเทศที่สามจริงนั้น ผมรู้สึกแปลกใจมากว่าเหตุผลใดรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ถึงเอาประเทศไทยมาเป็นบ้านพักชั่วคราวให้ผู้นำที่ถูกประชาชนขับไล่จนต้องหนีออกมา แต่ในขณะเดียวกัน ผู้ลี้ภัยสงครามชาวเมียนมาร์ กรณีค้ามนุษย์ชาวโรฮิงยา หรือผู้ลี้ภัยชาวอุยกูร์ที่อยู่ในสถานะหลบหนีภัยภายในประเทศ กลับเจอชะตากรรมที่ต่างกันราวฟ้ากับเหว”
ส.ส.รังสิมันต์ ระบุว่า ที่ผ่านมามีการร้องเรียนเข้ามาในกรรมาธิการการต่างประเทศ ให้ช่วยหาทางออกและการจัดการอย่างมีมนุษยธรรมต่อผู้ลี้ภัยอยู่หลายครั้ง เนื่องจากมีการร้องเรียนว่า มีมาตรการจากทางรัฐบาลที่ไม่เป็นไปตามหลักการที่ควร รวมถึงมีความพยายามกีดกัน ไปจนถึงส่งกลับผู้ลี้ภัยมาแล้วจากหลายกรณีในรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จนทำให้ภาพลักษณ์ของประเทศไทยเสียหายอย่างมาก กลับกันพอเป็นอดีตประธานาธิบดีที่มีข้อสงสัยว่าเกี่ยวพันกับการอุ้มหาย ซ้อมทรมานประชาชนในศรีลังกา จนหาที่ไปไม่ได้ รัฐบาลไทยกลับอ้าแขนรับเข้ามาอย่างหน้าตาเฉยราวกับว่านี่คือเราไม่แคร์สายตาประชาคมโลกว่าจะมองประเทศเราเป็นอย่างไร กับการสองมาตรฐานในการต้อนรับผู้ลี้ภัยเช่นนี้

(แฟ้มภาพ-อดีตประธานาธิบดี โคฐาภยะ ราชปักษา ของศรีลังกามาไทย)
“ผมอยากเรียนคุณประยุทธ์ว่า ในฐานะของนายกรัฐมนตรี การกระทำครั้งนี้จะฉุดให้ภาพลักษณ์ของประเทศไทยต้องมัวหมองในสายตานานาชาติ กรณีผู้ลี้ภัยที่ตัวเองมีชนักปักหลังก็ยังจัดการไม่ได้ กลับมาเพิ่มภาระการแก้ไขภาพลักษณ์ประเทศให้กับรัฐบาลถัดไปอีก ยิ่งทำแบบนี้ศักดิ์ศรีประเทศไทยในสายตาชาติอื่นๆ จะเป็นอย่างไร ที่ประเทศเรากลับต้องมากลายเป็นคุกขังผู้ลี้ภัยชาวอุยกูร์ และเป็นสถานที่พักตากอากาศให้ผู้นำที่โดนประชาชนขับไล่แบบนี้กัน?”
“ผมอยากให้ผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายทบทวนให้ดีว่า กรณีเหล่านี้จะสร้างภาพลักษณ์อย่างไร และเกิดประโยชน์อย่างไรต่อประเทศชาติกันแน่ หากการกระทำนี้ไม่มีเหตุผลรองรับที่รับฟังได้มากพอ การเปลี่ยนมาตรการอย่างใดอย่างหนึ่งให้เป็นที่ยอมรับได้มากขึ้นทั้งต่อประชาชนและนานาประเทศก็เป็นเรื่องสำคัญที่ พลเอกประยุทธ์ต้องตัดสินใจให้ดี เพราะนี่จะเป็นหน้าประวัติศาสตร์อีกหน้าที่ถูกบันทึกไว้ว่าพลเอกประยุทธ์ตัดสินใจทำอะไร เพราะอะไร และส่งผลเช่นไรในอนาคตแน่นอน” ส.ส.รังสิมันต์ ระบุ










