‘รังสิมันต์’ ข้องใจ รัฐบาลไม่ปฏิเสธ ปม ‘ทักษิณ’ คุยกลุ่มชาติพันธุ์เมียนมา ถามใคร นายกฯ ตัวจริง

‘รังสิมันต์’ ข้องใจ รัฐบาลไม่ปฏิเสธ ปม ‘ทักษิณ’ คุยกลุ่มชาติพันธุ์เมียนมา ถามใคร นายกฯ ตัวจริง

กมธ.มั่นคง เตรียมลงพื้นที่ จ.ตาก 12 พ.ค. นี้ ‘รังสิมันต์’ ข้องใจ รัฐบาลไม่ปฏิเสธ ปม ‘ทักษิณ’ คุยกลุ่มชาติพันธุ์เมียนมา ถามใคร นายกฯ ตัวจริง

เมื่อวันที่ 8 พ.ค. ที่รัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีความเคลื่อนไหวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่พบปะกลุ่มชาติพันธุ์เมียนมา เพื่อขอเป็นตัวกลางเจรจาสันติภาพในเมียนมา เมื่อช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมาว่า ตนกังวลว่าสิ่งที่นายทักษิณดำเนินการนั้นจะสร้างความสับสน ต่อบทบาทประเทศไทยในการสร้างสันติภาพในเมียนมา เพราะนายทักษิณไม่มีตำแหน่งใดในรัฐบาล และรัฐบาลไม่ได้มอบหมายให้ในฐานะตัวแทนรัฐไทยไปดำเนินการ ทั้งนี้ตนสนับสนุนให้ประเทศไทยเป็นคนกลางเพื่อสร้างสันติภาพในเมียนมา แต่ควรเป็นไปในกลไกที่ถูกต้อง และความชอบธรรม แต่กรณีของนายทักษิณนั้นไม่รู้เป็นมาอย่างไร ไปเจรจาต่างๆ ได้อย่างไร

เมื่อถามว่า กังวลว่าการเจรจาของนายทักษิณจะมีผลผูกพันกับรัฐบาลในการดำเนินการเกี่ยวกับสันติภาพเมียนมาหรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า เป็นประเด็นที่กังวล เพราะหน้าที่พัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเป็นตัวแทนประเทศไทย คือ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ซึ่งกรณีดังกล่าวมีรัฐสภากำกับ แต่นายทักษิณไม่มีตำแหน่งใดในรัฐบาล ดังนั้นจึงไม่มีกลไกกำกับความสัมพันธ์ หากนายทักษิณเจรจารับคำ เหมือนกับผูกพันรัฐบาลด้วย จะทำให้เป็นปัญหาในเชิงการทำงานและการตรวจสอ ซึ่งในเรื่องนี้กมธ.ความมั่นคงฯ ต้องตรวจสอบอย่างแน่นอน เบื้องต้นทาง กมธ.ฯ จะลงพื้นที่ อ.แม่สอด จ.ตาก ในวันที่ 12 พ.ค. นี้ จะมีกรณีของนายทักษิณแทรกมา จากเดิมที่จะไปดูเรื่องการสนับสนุนด้านมนุษยธรรม และเก็บข้อมูลเรื่องนโยบายความมั่นคง นอกจากนั้นแล้วจะเรียกหน่วยงานอื่นๆ คุยเพราะมีนัยสำคัญกับประเทศ

ประธานกมธ.มั่นคง กล่าวต่อว่า บทบาทการเจรจาเพื่อสร้างสันติภาพเมียนมา ควรเป็นบทบาทและใช้กลไกของหน่วยงานรัฐบาล ทั้งฝ่ายความมั่นคง กระทรวงการต่างประเทศ ไม่ใช่ในฐานะบุคคล ขณะเดียวกันท่าทีของรัฐบาลต่อกรณีของนายทักษิณ ที่นายเศรษฐา และ นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.ต่างประเทศ แสดงว่าในลักษณะปัดความรับผิดชอบ ไม่รับรู้ จะเป็นปัญหาได้ทั้งในภาวะผู้นำตัวจริงของรัฐบาล

“เมื่อรัฐบาลไม่ปฏิเสธสิ่งที่นายทักษิณทำ เท่ากับเพิ่มพลังของนายทักษิณทำให้การเจรจาที่ทำนั้น ไม่แตกต่างอะไรจากการเจรจาของรัฐบาล ซึ่งจะส่งผลลดภาวะผู้นำของนายกฯ ลงไป อีกทั้งเมื่อไม่ปฏิเสธที่ชัดเจน ถือเป็นปัญหาที่น่าปวดหัวว่าใครคือ นายกรัฐมนตรีตัวจริง ใครคือผู้มีอำนาจตัดสินใจ” นายรังสิมันต์ กล่าว

นายรังสิมันต์ กล่าวด้วยว่า กรณีที่นายทักษิณคุยกับกลุ่มชาติพันธุ์ แม้จะเป็นฝ่ายที่เรียกร้องประชาธิปไตยในเมียนมา แต่ภาพของนายทักษิณต่อสันติภาพเมียนมาไม่ชัดเจนว่า ต้องการประชาธิปไตยแบบไหน และที่ผ่านมาในการตรวจสอบ กมธ.มั่นคง ไม่เคยได้รับรายงานว่ากระทรวงต่างประเทศว่า มองภาพสันติภาพเมียนมาาแบบไหน ดังนั้นหากเจรจาเพื่อสภาบริหารแห่งรัฐเมียนมาหรือ เอสเอซี อย่างเดียว จะทำให้สันติภาพไม่ยั่งยืน

TODAYWriterTODAY

Podcast

บทความที่เกี่ยวข้อง