เส้นทาง POP MART ร้านของเล่นนักจุ่มจากจีน มูลค่า 200,000 ล้าน

เส้นทาง POP MART ร้านของเล่นนักจุ่มจากจีน มูลค่า 200,000 ล้าน

การเงิน

กระแสนักจุ่มหรือว่า ‘นักสุ่ม’ ที่หมายถึงเหล่านักสะสมอาร์ตทอยที่มีลักษณะเป็นการสุ่มหยิบ ผู้ซื้อจะไม่รู้ก่อนว่าจะได้อาร์ตทอยชิ้นไหนในคอลเลกชันมาแรงไม่หยุด โดยเฉพาะกับแฟนๆ ร้าน ‘POP MART’ ที่บางคอลเลกชั่นมารอต่อแถวซื้อกันตั้งแต่รุ่งเช้าหรือก่อนห้างสรรพสินค้าเปิดด้วยซ้ำ และมากไปกว่านั้นคือ กระแสนักจุ่มกำลังฟีเวอร์ไปแทบจะทุกกลุ่ม 

โดยเฉพาะกับกลุ่มเซเลบบริตี้ที่เมื่อจับอาร์ตทอยไหนราคาของตัวนั้นก็จะพุ่งไปไกลด้วย เห็นได้ชัดสุดจาก ลิซ่า Blackpink ที่สะสมอาร์ตทอยอย่าง ‘ลาบูบู้’ (Labubu Macaron) ทำให้ราคายกบ๊อกซ์จากเดิมราวๆ 3,300 บาทตอนนนี้ไปไกลถึง 10,000-14,000 บาทเลยทีเดียว 

แต่ทั้งนี้และทั้งนั้นที่น่าสนใจคือ POP MART เป็นร้านของเล่นที่เพิ่งเปิดตัวมาได้เพียง 14 ปีเท่านั้น แต่ปัจจุบันมูลค่าบริษัทกลับเติบโตถึง 200,000 ล้านเลยทีเดียว

ในบทความนี้ TODAY Bizview มาสรุปเส้นทาง POP MART ตั้งแต่จุดเริ่มต้นจนถึงจุดเปลี่ยนสู่ปัจจุบันให้ครบจบในบทความเดียว

[ เริ่มต้นจากขายสินค้าหลายอย่าง จนมาโฟกัสแค่ ‘กล่องจุ่ม’ ]

ต้องเล่าย้อนไปเมื่อ 14 ปีก่อน หรือปี 2010 ‘หวัง หนิง’ ชายชาวจีนที่เปิดร้านขายเบ็ดเตล็ดเล็กๆ ในปักกิ่ง ปรับเปลี่ยนธุรกิจเดิมของตัวเองจากที่โฟกัสสินค้าหลายๆ อย่าง ก่อนตัดสินใจที่จะขายเพียง ‘ของเล่น’ เท่านั้น 

โดยตอนนั้นเขาได้แรงบันดาลใจจากตู้จำหน่ายสินค้าอัตโนมัติของญี่ปุ่นที่สุ่มสินค้าออกมา ทำให้เกิดไอเดียพัฒนา ‘กล่องจุ่ม’ หรือ ‘กล่องสุ่ม’ ขึ้นมาขายในเวลาต่อมา

ซึ่งเมื่อ ‘หวัง หนิง’ แน่ชัดแล้วว่าเขาจะทำร้านของเล่นในรูปแบบกล่องจุ่ม สิ่งสำคัญที่ต้องมีคือ ‘ตัวละคร’ ที่จะช่วยดึงกลุ่มลูกค้าที่ไม่ใช่แค่เด็กอย่างเดียวแต่กลับเป็นทุกเพศทุกวัยได้

เขาจึงได้เริ่มหาพาร์ทเนอร์สำคัญในธุรกิจของเล่นนั่นก็คือ ‘นักออกแบบ-ศิลปิน’ ที่จะมาช่วยสร้างสรรค์ของเล่นให้ออกมาน่าสนใจ 

[ จับมือนักออกแบบสร้างตัวละครดัง Molly-Labubu ]

‘หวัง หนิง’ ได้จับมือกับ ‘เคนนี หว่อง’ นักออกแบบสัญชาติฮ่องกงเปิดตัว Molly ตัวละครผู้สร้างรายได้มากที่สุดให้กับ POP MART มาตลอดกาล พร้อมทั้งจับมือกับ ‘Kasing Lung’ นักวาดภาพประกอบนิทานเด็กชาวฮ่องกงให้เป็นผู้ออกแบบ แก๊งตัวละคร ‘The Monsters’ และมี Labubu เป็นหนึ่งในตัวละครหลัก

อีกทั้ง POP MART ยังทำงานร่วมกับ Disney, WarnerBros หรือบริษัทระดับโลกอื่นๆ เพื่อเปิดตัว Collection ลิขสิทธิ์ อาทิ Harry Potter toystory และอื่นๆ อีกมากมาย โดยการ collaboration ช่วยให้ POP MART ขยายฐานลูกค้าที่ไม่ใช่แค่แฟนๆ Pop Mart ได้อีกด้วย 

นอกจากนี้ นับตั้งแต่เปิดกิจการมา POP MART มีกลุ่มลูกค้าหลักคืออายุ 18 – 35 ปี และกว่า 75% เป็นผู้หญิง อีกทั้งแบรนด์ก็ได้ขยายไปยังประเทศต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ฮ่องกง สิงคโปร์หรืออื่นๆ มากกว่า 20 ประเทศทั่วโลก ซึ่งเรื่องขยายสาขามาจริงจังชัดขึ้นหลัง ‘หวัง หนิง’ นำบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ยอดขายหลักๆ กว่า 87% ยังคงมาจากประเทศ ‘จีน’ อยู่ดี 

[ อุปสรรคจากข้อจำกัดใน ‘จีน’ ]

อย่างไรก็ตาม เส้นทางของ POP MART ก็ไม่ได้ราบรื่นเท่าไหร่นัก โดยเฉพาะกับธุรกิจในประเทศต้นกำเนิดอย่าง ‘จีน’ ที่มีกฏหมายควบคุมห้ามจำหน่ายกล่องจุ่มให้กับเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 8 ขวบ ซึ่งแน่นอนว่าจีนถือเป็นตลาดใหญ่ของ POP MART

ถึงแม้จะมีข้อจำกัดจากการขายในกลุ่มเด็ก ทว่าในปี 2019 ช่วงที่เกิดโควิดระบาดโดยเฉพาะกับช่วงฉลองเทศกาลคนโสดในจีน POP Mart ก็ขายออนไลน์ได้บนเว็บไซต์ Paqu และ Tmall ซึ่งยอดขายสามารถชนะบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Disney และ Lego บน AliExpress ได้อีกด้วย 

[ POP MART บริษัทมูลค่า 200,000 ล้านบาทในตลาดฮ่องกง ]

ปัจจุบัน POP MART อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง (เข้าตลาดปี 2020) และมีมูลค่าบริษัทราว 232,953 ล้านบาท โดยมี ‘หวัง หนิง’ ผู้ก่อตั้งและประธานบริษัทถือหุ้นอยู่มากกว่า 45% รวมถึงได้ขยายกิจการออกไปมากกว่า 20 ประเทศทั่วโลก 

ปิดท้ายด้วยข้อมูลที่น่าสนใจ Forbes รายงานว่าตัวละคร Dimoos เด็กชายขี้อายเป็นกล่องจุ่มที่ขายดีสุดใน POP MART 

ที่มา

แท็กที่เกี่ยวข้อง
AyosiriWriterAyosiri
เป็นนักข่าวการเงิน สนใจเรื่องการลงทุนและการตลาด ประวัติศาสตร์ อยากสื่อสารให้เรื่องเป็นเงินสำหรับทุกคน

Podcast

บทความที่เกี่ยวข้อง