
รมว.เกษตรฯ มุ่งแก้ไขปัญหายางพาราอย่างยั่งยืน หารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องถึง กำหนดแนวทางการประกันรายได้เกษตรกรชาวสวนยางที่มีการขึ้นทะเบียนโดยมีเอกสารสิทธิ์ รายละไม่เกิน 25 ไร่ ในการประกันรายได้ราคายางแผ่นดิบคุณภาพดีที่ราคา 60 บาท/กิโลกรัม จ่อชง ครม.อนุมัติ
เมื่อวันที่ 23 ส.ค.62 นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังหารือถึงมาตรการในการบริหารจัดการยางพารา ว่า ได้หารือแนวทางการประกันรายได้เกษตรกรชาวสวนยาง ซึ่งมีเป้าหมายให้เกษตรกรชาวสวนยางได้รับการชดเชยรายได้จากการจำหน่ายยางพารา รายละไม่เกิน 25 ไร่ ในการประกันรายได้ราคายางแผ่นดิบคุณภาพดีที่ราคา 60 บาท/กก. ส่วนยางประเภทอื่นราคาจะลดหลั่นตามสัดส่วนของราคาที่กำหนดในตลาด โดยกำหนดการประกันรายได้ราคาน้ำยางสด 57 บาท/กก. และประกันรายได้ราคายางก้อนถ้วย 50 บาท/กก. ซึ่งได้สรุปถึงรายละเอียดในการดำเนินการเรียบร้อยแล้ว รอในส่วนของขั้นตอนการดำเนินการ
ต่อจากนี้จะเชิญผู้ประกอบการ พ่อค้าคนกลาง และผู้แทนเกษตรกร มาพูดคุยรับรู้และทำความเข้าใจร่วมกัน ซึ่งข้อมูลทั้งหมดจะผ่านการพิจารณาของหน่วยงานต่าง ๆ รวมถึงการนำเสนอประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อพิจารณาต่อไปด้วย คาดว่าจะงบประมาณ 3 หมื่นล้านบาท
ทั้งนี้ การช่วยเหลือด้านราคาให้ชาวสวนยางพารา เป็นสิ่งที่ต้องเร่งดำเนินการแต่ต้องรอบคอบ เพื่ออุดช่องโหว่ทางกฎหมายที่อาจทำให้เกิดการทุจริต จึงตั้งคณะกรรมการขึ้นมา 4 คณะ เพื่อมาดำเนินการพิจารณาในแต่ละมิติ ดังนี้คือ 1.คณะกรรมการบริหารโครงการประกันรายได้เกษตรกรชาวสวนยาง 2.คณะทำงานกำหนดราคากลางอ้างอิง 3.คณะกรรมการบริหารโครงการฯระดับจังหวัด 4.คณะทำงานโครงการระดับตำบล

นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
“ต้องการแก้ไขเรื่องยางพาราอย่างยั่งยืน ไม่ใช่แก้ไขปัญหาแล้วจบกันไป เพราะฉะนั้นสิ่งที่ได้ทำควบคู่กันไปกับการใช้มาตรการในการประกันรายได้นี้ จะเป็นมาตรการที่จะสร้างความยั่งยืนในด้านของการตลาด ด้านผลผลิตยางพารา เป็นต้น ที่จะสามารถตัด Supply ของจากตลาดไปได้ เพื่อดึงราคาขึ้นโดยธรรมชาติ จะทำควบคู่กันไปด้วย ในเบื้องต้น ถ้าผ่านคณะกรรมการยางแห่งประเทศไทยและผ่าน ครม. เกษตรกรจะได้เริ่มรับเงินในวันที่ 1 ตุลาคม 2562 นี้” นายเฉลิมชัย กล่าว
ทั้งนี้ มาตรการดังกล่าวจะดำเนินการกับเกษตรกรที่มีการขึ้นทะเบียนโดยมีเอกสารสิทธิ์ก่อน จำนวน 1,129,336 ราย พื้นที่ 13,326,540 ไร่ และได้กำหนดระยะเวลาการดำเนินการ 6 เดือน เพราะอยากให้ทุกฝ่ายช่วยกันยกระดับราคาขึ้นมาโดยธรรมชาติ
นอกจากนี้ ในส่วนของภาครัฐทั้งหมด จะมีการทำ MOU ในการทำงานร่วมกันเพื่อทำให้เกิดการนำยางพารามาใช้ในประเทศให้มากที่สุด อย่างไรก็ตาม ได้มอบหมาย กยท. หามาตรการและแนวทางการดำเนินการกับเกษตรกรที่ยังไม่มีเอกสารสิทธิ์ด้วย









