29 เม.ย. ซีเอ็นเอ็นรายงานว่า ซัมซุงเตือนว่าในอีกหลายเดือนข้างหน้าบริษัทอาจต้องเผชิญปัญหาหลายอย่าง หลังจากการระบาดของโควิด-19 กระทบระบบซัพพลายเชนทั่วโลก รวมถึงอุปสงค์ของสมาร์ทโฟน และยิ่งทำให้การนำเทคโนโลยี 5G มาใช้ ประสบความยุ่งยากมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ซัมซุงมองว่าวิกฤตครั้งนี้ได้กระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงขั้นพื้นฐานของรูปแบบการใช้ชีวิตของผู้คน และคาดการณ์ว่า การพึ่งพาบริการด้านดิจิทัลต่างๆ ของโลก จะยังคงอยู่ต่อไป เนื่องจากคนใช้ชีวิตอยู่ที่บ้านมากขึ้น
โดยในวันนี้ ซัมซุงได้เผยว่า บริษัทมีกำไรจากการดำเนินงาน อยู่ที่ 6.45 ล้านล้านวอน หรือราว 172,215 ล้านบาท ในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ ที่สิ้นสุดเมื่อวันที่ 29 มี.ค. หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.5 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งสอดคล้องกับการคาดหมายของนักวิเคราะห์ ส่วนรายได้เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.6 เป็น 55.3 ล้านล้านวอน หรือราว 1.47 ล้านล้านบาท ส่วนกำไรสุทธิ เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.2 เป็น 4.88 ล้านล้านวอน หรือราว 130,300 ล้านบาท
แต่ถึงกระนั้น ซัมซุงเตือนว่า การระบาดได้ส่งผลให้เกิดความไม่แน่นอนในหลายธุรกิจของบริษัท และเนื่องจากความผันผวนดังกล่าว ซัมซุงจึงไม่เปิดเผยรายงานการคาดการณ์ธุรกิจประจำปี
นอกเหนือจากเป็นผู้ผลิตสมาร์ทโฟนรายใหญ่ที่สุดในโลกแล้ว ซัมซุงยังถือเป็นซัพพลายเออร์หลักให้แก่ผู้ผลิตรายอื่น เช่น แอปเปิล และหัวเว่ย ทั้งชิปหน่วยความจำ และหน้าจอแสดงผล ซัมซุงระบุว่า อุปสงค์ของสมาร์ทโฟนคาดว่าจะลดลงอย่างมาก เนื่องจากโควิด-19
นายจองมิน อี รองประธานฝ่ายโทรศัพท์มือถือของซัมซุง กล่าวว่า ตลาดสมาร์ทโฟนที่หดตัวลงและการปิดร้านค้าต่างๆ จะนำไปสู่การลดลงของรายได้ของไตรมาสปัจจุบันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ส่วนธุรกิจการผลิตชิปหน่วยความจำ หนึ่งในธุรกิจที่ทำกำไรให้แก่ซัมซุง มีแนวโน้มที่จะได้รับผลกระทบเช่นกัน แต่บริษัทอาจมีรายได้เพิ่มจากความต้องการใช้บริการคลาวด์ และคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากคนเริ่มทำงานที่บ้านมากขึ้น
ซัมซุงระบุว่า การระบาดได้เปลี่ยนรูปแบบการใช้ชีวิตและการทำงานของผู้คน คนเริ่มหันมาทำงานจากบ้าน เรียนทางออนไลน์ รวมถึงการเล่นเกมในยามว่าง หรือการซื้อสินค้าทางออนไลน์เพิ่มขึ้น และนั่นกำลังจะก่อให้เกิดสิ่งที่เรียกว่า new normal หรือความปกติรูปแบบใหม่ และในขณะที่ความต้องการเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ลดลงจะส่งผลกระทบอย่างมากต่อความต้องการชิปหน่วยความจำ แต่คาดว่าความต้องการใช้ชิปความจำจากศูนย์ข้อมูลและเซิร์ฟเวอร์ต่างๆ จะยังคงเพิ่มขึ้น แม้การระบาดสิ้นสุดลงแล้วก็ตาม
ซัมซุงนังระบุว่า การระบาดของไวรัส ยังส่งผลทำให้การเปิดตัวเครือข่าย 5G ต้องล่าช้าออกไปอีกด้วย นายเบน ซูห์ รองประธานบริหารฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์ กล่าวว่า เป็นเรื่องยากที่จะชี้ชัดได้ว่าผลกระทบของโควิด-19 จะขยายตัวหรือยืดเยื้อต่อไปอีก ผู้ให้บริการเครือข่ายดทรศัพท์มือถืออาจต้องตัดสินใจชะลอการลงทุน 5G ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อธุรกิจของเรา
ด้านนักวิเคราะห์จาก Jefferies บริษัทที่ให้บริการคำปรึกษาทางการเงิน เตือนว่า โควิด-19 และปัจจัยอื่นๆ จะทำให้ยอดขายสมาร์ทโฟน 5G ต่ำกว่าที่คาดในปีนี้ โดยเฉพาะจีน ซึ่งเป็นตลาดสมาร์ทโฟนใหญ่ที่สุดในโลก









