
วันที่ 30 ธ.ค.62 เวลา 10.00 น. ที่ร้านโกลเด้น เพลส สาขาชวนชม เรือนจำคลองเปรม นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม แกนนำพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงสถานการณ์การเมืองในปี 2563 กรณีเสียงวิจารณ์ว่ารัฐบาลยังไม่ได้ทำตามนโยบายที่หาเสียงไว้ว่า เมื่อเป็นรัฐบาลผสมนโยบายก็จะต้องมาแลกเปลี่ยนกัน อาจทำนโยบายของแต่ละพรรคไม่ได้ 100 เปอร์เซ็นต์ แต่หากทำเต็มที่แล้วเชื่อว่าประชาชนจะเข้าใจโดยประชาสัมพันธ์ผลงานที่ทำไปแล้ว
เมื่อถามถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลหรือปัญหาต่างๆ จะเป็นผลให้เกิดการปรับ ครม.ตามมาหรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า การปรับ ครม.ไม่น่าตกใจเพราะเป็นไปตามสถานการณ์ และปรับเพื่อเติมในส่วนที่คิดว่าการทำงานยังไม่แน่น แต่ก็ไม่รู้ว่านายกรัฐมนตรีคิดอย่างไร ซึ่งในประเพณีปฏิบัติก่อนหรือหลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ผู้บริหารสูงสุดก็จะมองเห็นถึงจุดอ่อนและจุดแข็งของการทำงานไปตามสถานการณ์ แต่คงไม่ใช่สาเหตุเพราะถูกอภิปราย หรือมีกิจกรรมการทางการเมืองอะไร

เมื่อถามว่า รัฐบาลจะอยู่ครบ 4 ปีหรือไม่ นายสมศักดิ์ ตอบว่า เป็นสูตรตายตัวไม่ได้ แต่มีความเป็นไปได้สูงที่รัฐบาลจะอยู่ครบเทอม และหากเลือกตั้งบ่อยก็อาจบอบช้ำไปด้วย จึงควรใช้เวลานี้ทำประโยชน์ให้กับฝ่ายค้านไปก่อน เช่น แก้ไขรัฐธรรมนูญ และเป็นไปได้ที่ผู้บริหารอาจจะอยากอยู่นานหรือไม่นานได้ทั้งนั้น

ส่วนกรณีที่ นิด้าโพล สำรวจความเห็นประชาชนเรื่องนายกรัฐมนตรีในใจ พบว่านายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ มีคะแนนเป็นอันดับ 1 ส่วน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เป็นอันดับ 2 นายสมศักดิ์ กล่าวว่า โพลส่วนใหญ่ที่สำรวจในช่วงที่รัฐบาลบริหารงานส่วนใหญ่นายกรัฐมนตรีไม่ค่อยได้เป็นที่หนึ่ง และโพลก็อาจจะถามในกลุ่มเป้าหมายใดเป้าหมายหนึ่ง เช่น ไปทำในกลุ่มที่สนับสนุนนายธนาธร ก็อาจจะได้ความนิยมเยอะ แต่ถ้าเป็นโพลของสำนักงานสถิติแห่งชาติ ถามทีละ 5-6 หมื่นคนจะเป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่ถ้าถามถึง 300-400 คน แล้วมาชี้ว่าเป็นความคิดเห็นของคนทั้งประเทศไม่ได้ เรื่องนี้คงไม่มีปัญหาอะไรและตนเคารพในสิทธิการทำโพลและคำวิพากษ์วิจารณ์ของทุกคน









