นักเคมี ชี้ ‘สไตรีนโมโนเมอร์’ โรงงานกิ่งแก้ว อาจก่อมะเร็ง หากสลายตามธรรมชาติใช้เวลา 1 ปี

นักเคมี ชี้ ‘สไตรีนโมโนเมอร์’ โรงงานกิ่งแก้ว อาจก่อมะเร็ง หากสลายตามธรรมชาติใช้เวลา 1 ปี

นักวิชาการเคมี ม.เกษตร ชี้ สารเคมีไฟไหม้โรงงานกิ่งแก้ว ‘สไตรีนโมโนเมอร์’ เป็นสารอันตรายอาจก่อให้เกิดมะเร็ง หากปล่อยให้สลายตามธรรมชาติอาจใช้เวลานาน 1 ปี
วันที่ 5 ก.ค. 2564 รศ.วีรชัย พุทธวงศ์ อาจารย์ประจำภาควิชาเคมี คณะศิลปศาสตร์และวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ให้สัมภาษณ์ workpointTODAY ถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นจากกรณี ไฟไหม้ โรงงาน บริษัท หมิงตี้เคมีคอล จำกัด ภายในซอยกิ่งแก้ว 21 ต.บางพลีใหญ่ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ซึ่งเป็นโรงงานผลิตเม็ดโฟม บรรจุภัณฑ์โฟมขนาดใหญ่ ทำให้เกิดหมอกควันดำกระจายไปพื้นที่โดยรอบ ทำให้สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) สั่งอพยพประชาชนในพื้นที่รัศมี 5 กิโลเมตร
รศ.วีรชัย ระบุว่า เมื่อเกิดเพลิงไหม้ในโรงงานผลิตพลาสติก สารเคมีที่ต้องระมัดระวังอันตรายมีดังนี้
– สารตั้งต้นในการผลิตพลาสติก ได้แก่ สไตรีนโมโนเมอร์, โพลีสไตรลีน (EPS )
– สารกลุ่มตัวทำละลายอินทรีย์ ได้แก่ คาร์บอนเตตระคลอไรด์, ทินเนอร์, โทโลอีน, 1,3-บิวทาไดอีน และเบนซิน
– สารที่ทำให้พลาสติกจับตัวเป็นก้อน ได้แก่ ก๊าซมีเทน, บิวเทน, เอนเทน ซึ่งเป็นก๊าซหุงต้มที่มีความไวไฟสูง
ซึ่งในโรงงานแห่งนี้มีรายงานจาก ปภ.ว่ามีถังเก็บสารเคมีจำนวนมาก ความน่ากลัวคือ สาร 2 กลุ่มแรก คือ สไตรีนโมโนเมอร์ โพลีสไตรลีน และ คาร์บอนเตตระคลอไรด์, ทินเนอร์, โทโลอีน, 1,3-บิวทาไดอีน และเบนซิน เหล่านี้เป็นสารไวไฟที่ก่อให้เกิดมะเร็งได้ เมื่อสารเหล่านี้เจอกับไฟก็เกิดการระเบิดปะทุขึ้นมา
“แรงระเบิดที่เกิดขึ้น รุนแรงและเป็นวงกว้าง เชื่อว่าถังที่เก็บสารเหล่านี้ต้องใหญ่และมีปริมาณมหาศาล จะเห็นได้ว่าคนที่อยู่ใกล้เคียงเราจะรับรู้แรงสั่นสะเทือน เห็นเปลวไฟชัดเจนมาก คาดว่ามีสารที่เกิดการระเบิดมากกว่า 1,000 กิโลกรัม ซึ่งทั้งหมดเป็นวัตถุไวไฟ ไม่รู้ว่าจะระเบิดขึ้นมาอีกตอนไหน ที่สำคัญเมื่อเกิดการระเบิด ประกอบกับการขยายตัวของอากาศ ทำให้บ้านเรือนอาคารบริเวณใกล้เคียงรับรู้ กระจกแตก ผนังร้าว หรือบอกง่ายๆ คือ เอาเหตุระเบิดราชประสงค์คูณ 100 เท่าเลยก็ว่าได้” รศ.วีรชัย กล่าว
ผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นในอากาศที่มาจากการเผาไหม้ คือ ฝุ่น PM 2.5 พร้อมกับสารปนเปื้อนสารเคมี เป็นกลุ่มหมอกควัน กระทบต่อประชาชนที่อาศัยโดยรอบ และยังเป็นผลต่อสุขภาพในระยะยาว
“ไม่ได้มีพิษเฉียบพลัน แต่เป็นกลุ่มหมอกควันที่มีสารเคมีเจือปนมีผลต่อร่างกายในระยะยาว ถ้าสูดหายใจเข้าไปจะมีผลกระทบต่อทางเดินหายใจ แต่ไม่ได้หมายถึงว่าเราจะเป็นมะเร็งกันทั้งหมด เพราะสารกลุ่มนี้เป็นสารที่สงสัยให้ก่อมะเร็ง แต่การรับเข้าไปเยอะๆ ก็มีผลต่อร่างกาย ในส่วนของกลุ่มผู้ป่วย มีร่างกายที่อ่อนแออยู่แล้ว เมื่อต้องสูดดมสารพิษ อาจทำให้ร่างกายแย่ลง แนะนำว่าประชาชนควรใส่หน้ากากแบบเต็มใบหน้า หรือหน้ากากที่ป้องกัน PM 2.5 ได้”
ส่วนการกำจัดหมอกควันที่มีสารพิษเหล่านี้ รศ.วีรชัย บอกว่า มีระยะเวลาสลายตัวตามธรรมชาตินานเป็นปี แต่ก็จะเกี่ยวข้องกับปัจจัยอย่างอื่นด้วย เช่น น้ำ ความชื่น ฝน ก็จะทำให้สลายตัวได้เร็ว และน้ำจะทำปฏิกิริยาทำให้กลายเป็นสารประกอบตัวอื่นที่สลายตัวได้ง่ายขึ้น และลงสู่พื้นดินซึ่งก็จะส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และวนกลับมาสู่มนุษย์ได้อีก
พร้อมทิ้งข้อสงสัย ว่าที่ตั้งโรงงานดังกล่าว อยู่ในพื้นที่สีแดงของผังเมืองสมุทรปราการ ซึ่งเป็นพื้นที่สำหรับอาคารพาณิชย์และแหล่งชุมชน ทั้งที่โรงงานขนาดใหญ่แบบนี้ควรจะเป็นพื้นที่สีม่วง ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบ
อรอุษาWriterอรอุษา
นักข่าวภาคสนาม สนใจเรื่องสังคม อาชญาวิทยา
ชอบเล่าเรื่องสุขภาพและปัญหาปากท้องให้เข้าใจง่าย
รักการสัมภาษณ์และเขียนงานที่สร้างแรงบันดาลใจ

Podcast

บทความที่เกี่ยวข้อง