
แบงก์ชาติ ร่วมกับ ธนาคารพาณิชย์ 22 แห่ง เปิดตัว บริษัท บีซีไอ (ประเทศไทย) ในฐานะผู้ให้บริการออกหนังสือค้ำประกัน บนบล็อกเชน รายแรกของโลก หลังประสบความสำเร็จในการพัฒนาระบบ ช่วยลดต้นทุนดำเนินการ และความเสียหาย จากการปลอมแปลงเอกสาร พร้อมตั้งเป้าขยายผู้ใช้บริการ ร้อยละ 50 ของปริมาณธุรกรรมทั้งหมด มูลค่ากว่า 1.35 ล้านล้านบาทต่อปี
ในการทำสัญญาทางธุรกิจใด ๆ ทั้งกับหน่วยงานภาครัฐ และเอกชน อาจมีการขอเรียก หนังสือค้ำประกัน หรือ แอลจี แทนการวางเงินสด หรือ พันธบัตร เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน เพื่อลดความเสี่ยงถูกฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งผิดสัญญา โดยธนาคารที่เป็นผู้ออกแอลจี จะรับผิดชอบหากเกิดความเสียหายขึ้น ส่งผลให้ธุรกรรมประเภทนี้ มีกระบวนการตรวจสอบเอกสาร 3 ฝ่าย ระหว่างผู้ขอออกแอลจี คู่ค้า และธนาคารพาณิชย์ ซึ่งใช้เวลาทำงานมาก สร้างภาระและต้นทุนในการทำธุรกิจสูง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า งานสัมมนา Blockchain the Series at BOT ซึ่งเป็นงานสัมมนาที่ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จัดขึ้นเมื่อวันที่ 29 พ.ค.62 เพื่อเป็นเวทีในกำรเผยแพร่แลกเปลี่ยนความรู้ด้านพัฒนาการและการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี Blockchain หรือ Distributed Ledger Technology ในหลากหลายรูปแบบ
ดร.วิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวว่า แบงก์ชาติ ได้ร่วมมือกับธนาคารพาณิชย์ 2 แห่ง ดำเนินโครงการ Thailand Blockchain Community Initiative เพื่อศึกษาการใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนมาใช้เป็นตัวกลางตรวจสอบความถูกต้องของเอกสาร ระหว่าง 3 ฝ่าย ก่อนตั้งบริษัท บีซีไอ (ประเทศไทย) จำกัด ในฐานะนิติบุคคลกลาง ให้บริการออกแอลจี บนบล็อกเชนครั้งแรกของโลก โดยฝีมือคนไทย และผู้บริหารสถาบันการเงิน กว่า 200 คน ร่วมกันพัฒนาและผลักดันจนประสบความสำเร็จ ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญในการวางโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินของประเทศ

ดร.วิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย
ขณะที่ นายปรีดี ดาวฉาย ประธานสมาคมธนาคารไทย และประธานกรรมการ บริษัท บีซีไอ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า การออกแอลจี บนบล็อกเชน ถือเป็นบริการแรกของบริษัท และมุ่งหวังให้ธุรกิจขนาดใหญ่ ตลอดจน เอสเอ็มอี สามารถเข้าถึง และใช้งานได้จริง เพื่อลดต้นทุนในการจัดการเอกสารและดูแลข้อมูล ตลอดจน ลดขั้นตอนการทำงาน ภายใต้มาตรฐานความปลอดภัยระดับสากล
พร้อมย้ำว่า การใช้เทคโนโลยีบล็อกเชน มีความปลอดภัยสูง เชื่อถือได้ สามารถป้องกันการปลอมแปลงเอกสาร ซึ่งเคยเป็นจุดอ่อนสำคัญของการออกแอลจีในอดีต อีกทั้งผู้รับแอลจี ยังตรวจสอบสถานะการดำเนินการได้ตลอด 24 ชั่วโมง โดยบริษัท จะเริ่มให้บริการ ในเดือนมิถุนายน 2562 และตั้งเป้าหมายขยายจำนวนผู้ใช้งาน เพิ่มขึ้นขึ้น ร้อยละ 50 ของปริมาณธุรกรรมแอลจีทั้งหมด ภายใน 3 ปีข้างหน้า
ปัจจุบัน สถาบันการเงินไทยทั้งระบบ ออกแอลจี เฉลี่ยปีละ 5 แสนฉบับ คิดเป็นมูลค่ากว่า 1.35 ล้านล้านบาท









