EXIM BANK จัดกลุ่มสินค้าส่งออกของไทยหลังเจอวิกฤติโควิด-19 เป็น 5 กลุ่มอาการ พบ ‘สินค้าเกษตรและอาหาร’ มีภูมิต้านทานสูงสุด ขณะที่ภาพรวมการส่งออก 5 เดือนแรกปี 63 หดตัว 3.7% เตรียมเครื่องมือเข็นยอดครึ่งปีหลัง
วันที่ 7 ก.ค. 2563 ฝ่ายวิจัยธุรกิจ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) เปิดเผย มูลค่าส่งออกสินค้าไทยล่าสุดในเดือนพฤษภาคม 2563 หดตัวถึง 22.5% ต่ำสุดในรอบกว่า 10 ปี ทำให้การส่งออก 5 เดือนแรกปี 2563 หดตัว 3.7%
ทั้งนี้ จากตัวเลขส่งออกในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาและ 5 เดือนแรกของปี 2563 สามารถแบ่งกลุ่มสินค้าส่งออกของไทยตามภูมิต้านทานจากวิกฤติโควิด-19 ได้เป็น 5 กลุ่มอาการ ดังนี้

1.) กลุ่มแข็งแรง มีภูมิต้านทานสูง คือ กลุ่มสินค้าที่การส่งออกขยายตัวได้ดีต่อเนื่องทั้งในช่วงก่อนและระหว่างโควิด-19 ระบาด ส่วนใหญ่เป็นสินค้าเกษตรและอาหาร ที่ผู้ประกอบการไทยมีความเชี่ยวชาญและเป็นที่ยอมรับในเรื่องคุณภาพ นอกจากนี้ สินค้าอุตสาหกรรมหลายชนิดก็เป็นที่ต้องการมากขึ้นเพื่อตอบสนองกระแส Social Distancing และกระแสใส่ใจสิ่งแวดล้อม ปัจจัยดังกล่าวเป็นเครื่องยืนยันได้ว่า ประเทศไทยมีภูมิต้านทานและมีศักยภาพในสินค้าเหล่านี้ ประเด็นในเชิงนโยบายจึงอยู่ที่การสร้างมูลค่าเพิ่มและสร้าง Branding ให้สินค้าไทยกลุ่มนี้กลายเป็นสินค้าในใจของผู้บริโภคทั่วโลกที่เน้นคุณภาพมากกว่าราคา รวมถึงการส่งเสริมการลงทุนและพัฒนาให้ไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตและจำหน่ายสินค้าเหล่านี้ โดยเฉพาะเพื่อตอบสนองกระแสความมั่นคงด้านอาหารและสุขภาพที่มีมากขึ้นในปัจจุบัน
2.) กลุ่มฟื้นตัวชั่วขณะ คือ กลุ่มสินค้าที่การส่งออกเริ่มชะลอตัวในช่วงก่อนหน้าแต่กลับได้อานิสงส์จากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้มีความต้องการสินค้าเพิ่มขึ้นในระยะสั้น แนวทางในการเสริมแกร่งของสินค้ากลุ่มนี้ในระยะถัดไปอาจเป็นการหาตลาดส่งออกใหม่ ๆ ที่ยังไม่อิ่มตัวเพื่อกระจายความเสี่ยง รวมถึงการแตกไลน์การผลิตสินค้าให้มีความหลากหลายขึ้น
3.) กลุ่มติดเชื้อ คือ กลุ่มสินค้าที่การส่งออกขยายตัวสูงตลอด 3 ปีที่ผ่านมาแต่มาหดตัวในช่วงการแพร่ระบาดของ COVID-19 ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสินค้าที่เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวัน รวมถึงสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับราคาน้ำมันซึ่งคิดเป็นสัดส่วนราว 15% ของมูลค่าส่งออกรวมที่ได้รับผลกระทบจากราคาและอุปสงค์ของภาคการผลิตและภาคการขนส่งที่ลดลงจากมาตรการ Lockdown และ Social Distancing อย่างไรก็ตาม อุตสาหกรรมข้างต้นส่วนใหญ่ยังเป็นอุตสาหกรรมที่ไทยมีศักยภาพและเป็นฐานการผลิตสำคัญของนักลงทุนต่างชาติ แม้ในระยะสั้นอาจเผชิญกับภาวะช็อกจากอุปสงค์ที่ลดลงอย่างรวดเร็วหรือมีการเลื่อนการบริโภคออกไป แต่หากสถานการณ์ COVID-19 ดีขึ้น สินค้ากลุ่มดังกล่าวก็มีโอกาสกลับมาฟื้นตัว
4.) กลุ่มภาวะแทรกซ้อน คือ กลุ่มสินค้าที่มูลค่าส่งออกในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาขยายตัวค่อนข้างต่ำจากปัญหาเชิงโครงสร้างและกระแส Disruption ในหลายมิติ อีกทั้งถูกซ้ำเติมจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มสินค้าเกษตรที่ส่วนใหญ่ส่งออกในลักษณะสินค้าขั้นต้นและต้องเผชิญกับการแข่งขันที่รุนแรง สินค้ากลุ่มนี้อาจถึงเวลาที่จำเป็นต้องปรับโครงสร้างการผลิตครั้งใหญ่เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม หรือบางอุตสาหกรรมก็อาจจำเป็นต้องย้ายฐานการผลิตไปต่างประเทศ และเชื่อมโยงห่วงโซ่การผลิตที่มีมูลค่าเพิ่มสูงกลับมายังประเทศไทย
5.) กลุ่มอาการวิกฤต คือ กลุ่มสินค้าที่มูลค่าส่งออกหดตัวตลอด 3 ปีที่ผ่านมาและหดตัวต่อเนื่องในช่วง COVID-19 พบว่าสินค้ากลุ่มนี้กระจุกตัวอยู่ในอุตสาหกรรมที่มีปัญหาเชิงโครงสร้างและมูลค่าเพิ่มต่ำ รวมทั้งถูกซ้ำเติมจากกระแส Technological Disruption อุตสาหกรรมเหล่านี้จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องหันมาพัฒนาผลิตภัณฑ์และปรับตัวให้สอดคล้องกับ Megatrends
“แม้สินค้าส่งออกของไทยหลายกลุ่มอาการข้างต้นหดตัวลง จากผลกระทบของโควิด-19 แต่ในภาพรวมแล้วการส่งออกของไทยยังหดตัวน้อยกว่าคู่แข่งหลายประเทศที่อาจมีความหลากหลายของสินค้าส่งออกน้อยกว่าไทย อย่างไรก็ตาม การส่งออกในช่วงที่เหลือของปี 2563 ที่ยังเต็มไปด้วยความไม่แน่นอนสูง”
“EXIM BANK ได้เตรียมเครื่องมือทางการเงินที่หลากหลายเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ส่งออกสินค้าในแต่ละกลุ่มอาการข้างต้น ทั้งมาตรการเยียวยาและฟื้นฟูสำหรับสินค้าที่ได้รับผลกระทบระยะสั้นจากโควิด-19 รวมถึงมาตรการเสริมความแข็งแกร่งและสร้างมูลค่าเพิ่มในระยะยาวสำหรับอุตสาหกรรมที่จำเป็นต้องปรับโครงสร้างเพื่อความอยู่รอด เพื่อให้สามารถผ่านพ้นมหาวิกฤตครั้งนี้ไปด้วยกัน และทำให้การส่งออกของไทยกลับมาเป็นเส้นเลือดใหญ่ที่หล่อเลี้ยงเศรษฐกิจไทยอีกครั้ง”