thai-set-btg-betagro-ipo

‘เบทาโกร’ ขาย IPO ที่ราคา 40 บาทต่อหุ้น จองซื้อระหว่าง 10-17 ต.ค.นี้

การเงิน

‘เบทาโกร’ เคาะราคาหุ้น IPO อย่างเป็นทางการแล้วที่ 40.00 บาทต่อหุ้น โดยจะเปิดให้จองซื้อระหว่างวันที่ 10-17 ต.ค.นี้ ผ่าน 8 บริษัทหลักทรัพย์ ก่อนเข้าเทรด 2 พ.ย. 2565

บริษัท เบทาโกร จำกัด (มหาชน) หรือ BTG บริษัทอาหารชั้นนำของไทย เตรียมเสนอขายหุ้น IPO ในจำนวนไม่เกิน 500 ล้านหุ้น (รวมหุ้นส่วนเกินแล้ว) เพื่อเปิดโอกาสให้นักลงทุนที่สนใจได้ร่วมเป็นเจ้าของ หลังแบบไฟลิ่งได้รับการอนุมัติจากสำนักงาน ก.ล.ต.เมื่อวันที่ 4 ต.ค.ที่ผ่านมา

ทั้งนี้ บริษัทฯ กำหนดราคาเสนอขาย IPO ที่ 40.00 บาทต่อหุ้น คิดเป็นมูลค่าการเสนอขายรวมไม่เกิน 20,000 ล้านบาท (รวมหุ้นส่วนเกินแล้วเช่นกัน)

สำหรับหุ้น IPO ของเบทาโกร นับเป็น IPO ของหุ้นในกลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหารที่มีมูลค่าเสนอขายสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ของตลาดหุ้นไทย และยังมีมูลค่าการเสนอขายสูงที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในปีนี้

‘วสิษฐ แต้ไพสิฐพงษ์’ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ของเบทาโกร กล่าวว่า หุ้น IPO ของบริษัทฯ ได้รับกระแสตอบรับที่ดีจากนักลงทุนสถาบันชั้นนำทั่วโลก

โดยมีนักลงทุนสถาบันคุณภาพที่มีชื่อเสียงทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศจำนวน 25 ราย ร่วมลงทุนในหุ้น BTG เพื่อเป็น Cornerstone Investors มูลค่าประมาณ 7,286 ล้านบาท หรือประมาณ 77.1% ของจำนวนหุ้นที่เสนอขายให้แก่นักลงทุนสถาบันในเบื้องต้น (ไม่รวมหุ้นส่วนเกิน)

สำหรับการเสนอขายแก่นักลงทุนทั่วไป หุ้น IPO ของเบทาโกรเปิดโอกาสให้นักลงทุนที่เป็นลูกค้าของผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์สามารถจองซื้อหุ้นได้ในระหว่างวันที่ 10-12 และ 17 ต.ค.นี้ และคาดว่าหุ้น BTG จะสามารถเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเป็นวันแรกในวันที่ 2 พ.ย. 2565

ส่วนเงินที่ได้รับจากการระดมทุนในครั้งนี้ เบทาโกรวางแผนที่จะเงินไปลงทุนเพื่อการเข้าซื้อ และ/หรือก่อสร้างฟาร์มและโรงงานแห่งใหม่ประมาณ 8,000 ล้านบาท

การปรับโครงสร้างเงินทุนผ่านการชำระหนี้สินระยะสั้นและ/หรือระยะยาวให้แก่สถาบันการเงินประมาณ 8,960-10,500 ล้านบาท และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนสำหรับการดำเนินงาน ไม่เกิน 1,021 ล้านบาท

สำหรับผลการดำเนินงานในช่วงที่ผ่านมาของเบทาโกร ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2565 เบทาโกรมีรายได้รวม 54,193.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26.1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า และมีกำไรสุทธิ 3,892.5 ล้านบาท เติบโต 233.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า

รายชื่อบริษัทหลักทรัพย์ (โบรกเกอร์) ที่จัดจำหน่าย

1. บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) (ที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย)

2. บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) (ที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย)

3. บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) (ผู้จัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย)

4. บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) (ผู้จัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย)

5. บริษัทหลักทรัพย์ กรุงไทย เอ็กซ์สปริง จำกัด (ผู้จัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย)

6. บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด (ผู้จัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย)

7. บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (ผู้จัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย)

8. บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด (ผู้จัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย)

ทั้งนี้ บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) จะทำหน้าที่เป็นผู้จัดหาหุ้นส่วนเกินและดำเนินการรักษาเสถียรภาพของราคาหุ้น (Overallotment and Stabilizing Agent)

KingployWriterKingploy
Dolce far Niente

Podcast

บทความที่เกี่ยวข้อง