เปิดแผนควบรวมกิจการ “ทหารไทย-ธนชาต” ยันไม่ปลดพนักงาน 19,000 คน

เปิดแผนควบรวมกิจการ “ทหารไทย-ธนชาต” ยันไม่ปลดพนักงาน 19,000 คน

ธนาคารทหารไทย -ธนชาต เปิดแผนควบรวมกิจการ และโครงสร้างของธนาคารธนชาต โดยผู้บริหารยืนยันว่าจะไม่กระทบกับพนักงาน 19,000 คน คาดว่าจะเสร็จสมบูรณ์ภายในปี 2564 ขณะที่ระหว่างนี้ลูกค้ายังสามารถใช้บริการของทั้ง 2 ธนาคารได้ตามปกติ

วันนี้ (9 ส.ค.2562) ธนาคารทหารไทย (TMB) และธนาคารธนชาต แถลงแผนการควบรวมกิจการระหว่าง 2 ธนาคาร รวมถึงการปรับโครงสร้างของธนาคารธนชาต รวมไปถึงแนวทางการเพิ่มทุนของธนาคารทีเอ็มบี และโครงสร้างสัดส่วนผู้ถือหุ้นหลัก

นายจุมพล ริมสาคร รองปลัดกระทรวงการคลัง ระบุว่า กระทรวงการคลังพร้อมที่จะลงทุนเพิ่มจำนวน 11,000 ล้านบาท และมีสิทธิ์ที่จะซื้อหุ้นเพิ่มเติมจากการจัดสรรสิทธิที่พึงมีในกรณีที่ผู้ถือหุ้นรายเดิมไม่ใช้สิทธิ์เต็มจำนวนเพื่อคงสถานะในผู้ถือหุ้นหลักไว้

 

นายศุภเดช พูนพิพัฒน์ ประธานกรรมการบริหาร ธนาคารธนชาต เปิดเผยว่า เมื่อควบรวมกันแล้วทั้ง 2 ธนาคารจะมีสินทรัพย์รวมกัน 2 ล้านล้านบาทและจะทำให้มีลูกค้าเพิ่มมากขึ้นประมาณ 10 ล้านคนโดยจะมีความทับซ้อนกันในลูกค้าไม่ถึงร้อยละ 10 จะทำเป็นโอกาสทางการตลาดที่ใหญ่ขึ้นและกว้างขึ้น

 

Mr. Mark Newman Managing Director, ING Challengers and Growth Markets, Asia กล่าวเพิ่มเติมว่า “จากความสำเร็จที่เกิดขึ้นจากการลงทุนใน TMB ประกอบกับการพัฒนาทางด้านดิจิทัลที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในธุรกิจธนาคาร และอื่น ๆ อีกมากมายทำให้ ING ตัดสินใจลงทุนเพิ่มอีกประมาณ 12,500 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนการรวมกิจการของทั้งสองธนาคารในครั้งนี้ ทั้ง ING และ TCAP ต่างพัฒนาความเชื่อมั่นที่มีต่อกันจากกระบวนการรวมกิจการนี้ จนนำไปสู่การตั้งเป้าหมายร่วมกันที่จะทำให้ธนาคารใหม่เติบโตอย่างมั่นคง และเป็นผู้นำทางด้านดิจิทัลประกอบกับการสนับสนุนอย่างต่อเนื่องจากกระทรวงการคลัง การรวมกิจการของทั้งสองธนาคารในครั้งนี้จะประสบความสำเร็จตามที่คาดไว้อย่างแน่นอน”

นายปิติ ตัณฑเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหารทีเอ็มบี เปิดเผยว่า หลังจากการซื้อขายหุ้นสำเร็จ Tcap และ ธนาคารธนชาต จะดำเนินการปรับโครงสร้างให้แล้วเสร็จโครงการรวมกิจการจะได้รับความเห็นชอบจากธนาคารแห่งประเทศไทยเพื่อเข้าสู่กระบวนการรวมกิจการ ซึ่งธนาคารทีเอ็มบีจะเป็นผู้จัดหาเงินทุนมาจำนวน 130,000 แสนล้านบาท เพื่อลงทุนใน บมจ.ทุนธนชาต และ สโกเทียแบงก์ โดยการออกหุ้นกู้เพิ่มทุนโดยกระบวนการซื้อขายหุ้นทั้งหมดคาดว่าจะเสร็จสิ้นภายในเดือน ธ.ค.ปีนี้ ซึ่งจะทำให้ทั้ง 2 ธนาคาร จะมีคณะกรรมการและผู้บริหารชุดเดียวกันและจะทยอยดำเนินงานทีละส่วน จึงคาดว่าจะเสร็จสมบูรณ์ภายในปี 2564 โดยระหว่างกระบวนการรวมกิจการที่ยังไม่สมบูรณ์ลูกค้าของทั้ง 2 ธนาคารยังสามารถใช้บริการของธนาคารแต่ละแห่งได้ตามปกติ

 

นายประพันธ์ อนุพงษ์องอาจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารธนชาต ยืนยันว่า จะไม่มีการปลดพนักงานของทั้ง 2 ธนาคารแต่จะเป็นปรับรูปแบบการทำงาน

“การรวมกิจการทำให้บริการของทั้ง 2 ธนาคารเพิ่มขึ้น ดังนั้นจำเป็นต้องใช้พนักงานยังมีอยู่ และตั้งทีมเพื่อวางแผนพัฒนาบุคลากรของทั้ง 2 ธนาคาร ตั้งแต่การพัฒนาศักยภาพบุคลากร สวัสดิการ”

ขณะที่จำนวนสาขาจะเข้าไปดูสาขาที่อยู่สถานที่ใกล้กันก็จะมีการปรับเปลี่ยน ซึ่งแม้จะปรับสาขาแต่ลูกค้าของทั้ง 2 ธนาคารยังคงใช้งานตามปกติ ปัจจุบันทั้ง 2 ธนาคารมีสาขารวมกันเกือบ 1,000 สาขา จำนวนพนักงาน 19,000 คน

สำหรับโครงสร้างหลังจากรวมกิจการบริษัท ING Challengers and Growth Marker, Asia จะถือหุ้นใหญ่ร้อยละ 21.3 และ บมจ.ธนชาต ถือหุ้นร้อยละ 20.4 และกระทรวงการคลัง ถือหุ้นร้อยละ 18.4 สโกเทียแบงก์ ถือหุ้นร้อยละ 5.6 และผู้ถือหุ้นรายย่อย ร้อยละ 34.3

 

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง:

Podcast

บทความที่เกี่ยวข้อง