
หลังจากตัวแทนมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ขอให้ศาลปกครองมีคำสั่งระงับ การปรับขึ้นค่าผ่านทางด่วนโทลล์เวย์ ที่มีการปรับขึ้นราคารอบใหม่ เมื่อวันที่ 22 ธันวาคมที่ผ่านมา ล่าสุดศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่ง ไม่รับคำร้อง เพราะเห็นว่า ผู้บริโภคสามารถใช้เส้นทางอื่นได้
เมื่อช่วงเย็น วันที่ 27 ธ.ค.62 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศาลปกครองสูงสุด มีคำสั่งไม่รับคำขอคุ้มครอง เพื่อบรรเทาทุกข์ชั่วคราวก่อนการพิพากษา ในคดีที่มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่ง ระงับการขึ้นค่าผ่านทางของ บริษัท ทางยกระดับดอนเมือง จำกัด (มหาชน) หรือ ดอนเมืองโทลล์เวย์ ตามประกาศของดอนเมืองโทลล์เวย์ที่จะปรับอัตราค่าผ่านทางตั้งแต่วันที่ 22 ธันวาคม 2562 เวลา 00.01 เป็นต้นไป
เนื่องจากศาลฯ เห็นว่า ความเดือดร้อนเสียหายที่มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค กับพวกอ้าง ไม่ใช่ความเดือดร้อนเสียหายที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เนื่องจากยังมีถนนสายวิภาวดีรังสิต และถนนพหลโยธิน ที่อยู่ใต้ทางยกระดับใช้สัญจรไปมาได้อยู่ จึงยังไม่มีเหตุเพียงพอที่ศาลฯ จะมีคำสั่งระงับการขึ้นราคา
การขึ้นราคาทางด่วนโทลล์เวย์ ได้ปรับเพิ่มสูงสุดอีก 15 บาท มีผลทั้งกลุ่มรถยนต์ 4 ล้อ และ กลุ่มที่มากกว่า 4 ล้อ เป็นสัญญาที่ทำไว้ ในช่วงสัมปทานเดิม เส้นทางดินแดงถึงอนุสรณ์สถานแห่งชาติ รวม 21.9 กิโลเมตร
โดยตามสัญญาบริษัทมีสิทธิ์ปรับขึ้นค่าผ่านทางได้ทุก 5 ปี ไม่ต้องขอความเห็นชอบจากรัฐ และขยายระยะเวลาจากเดิม 25 ปี สิ้นสุดปี 2557 ขยายออกไปอีก 27 ปี จะสิ้นสุดปี 2577 จึงส่งผลให้การปรับขึ้นค่าผ่านทาง เป็นแบบผูกพันระยะยาว ทั้ง ๆ ที่เป็นโครงการสาธารณะ ที่มีผลต่อประชาชน จึงทำให้มูลนิธิผู้บริโภค ขอคัดค้านการขึ้นราคา

สำหรับ บริษัท ทางยกระดับดอนเมือง จำกัด (มหาชน) ผู้ให้บริการทางยกระดับอุตราภิมุข หรือดอนเมืองโทลล์เวย์ ผู้รับสัมปทานก่อสร้างทางยกระดับ ได้ประกาศเพิ่มอัตราการเก็บค่าผ่าน ทางยกระดับอุตราภิมุข ช่วงดินแดน-ดอนเมือง อนุสรณ์สถาน มีผล 22 ธ.ค. 2562 โดยมีรายละเอียด ดังนี้
ค่าผ่านทางช่วงดินแดง-ดอนเมือง: รถ 4 ล้อ ปรับจาก 70 บาทเป็น 80 บาท และรถมากกว่า 4 ล้อปรับจาก 100 เป็น 110 บาท
ค่าผ่านทางช่วงดอนเมือง-อนุสรณ์สถาน: รถ 4 ล้อ ปรับจาก 30 เป็น 35 บาท, รถมากกว่า 4 ล้อ ปรับจาก 40 บาทเป็น 45 บาท และตลอดเส้นทาง รถ 4 ล้อ จาก 100 บาทปรับ 115 บาท, รถมากกว่า 4 ล้อ จาก 140 บาท ปรับเป็น 155 บาท











