ภาคการส่งออกนับว่าเป็นอุตสาหกรรมหลักที่ทำรายได้ให้กับประเทศไทยในทุกๆ ปี หรือมีสัดส่วนคิดเป็นประมาณ 60% ของ GDP ซึ่งการออกมาตรการ Reciprocal Tariff ของสหรัฐฯ ในครั้งนี้แน่นอนว่าไทยต้องได้รับผลกระทบเต็มๆ โดยไทยถูกกำหนดภาษีในอัตราที่ 37% และมีผลบังคับใช้ใน 9 เมษายน 2568
TODAYBizview พามาดูสินค้าไทยที่ส่งออกไปสหรัฐฯ มากที่สุดในปี 2567 ข้อมูลจากสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์ และ Global Trade Atlas โดยสินค้าที่มีการส่งออกไปสหรัฐฯ สูงที่สุดอันดับต้นๆ ได้แก่
เครื่องโทรศัพท์รวมถึงสมาร์ทโฟนและเครื่องโทรศัพท์อื่น ๆ : ไทยมีสัดส่วนการส่งออกไปสหรัฐฯ มากสุดถึง 12.5% มีมูลค่ารวม 6,846 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
เครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ : ไทยมีสัดส่วนการส่งออกไปสหรัฐฯ ที่ 11.1% มูลค่ารวม 6,093 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ยางรถยนต์ : ไทยมีสัดส่วนการส่งออกไปสหรัฐฯ ที่ 6.4% มูลค่ารวม 3,513 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
เซมิคอนดักเตอร์ : ไทยมีสัดส่วนการส่งออกไปสหรัฐฯ ที่ 4.5% มูลค่ารวม 2,472 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
หม้อแปลงไฟฟ้า : ไทยมีสัดส่วนการส่งออกไปสหรัฐฯ ที่ 3.8% มูลค่ารวม 2,088 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ส่วนประกอบและอุปกรณ์เครื่องจักร : ไทยมีสัดส่วนการส่งออกไปสหรัฐฯ ที่ 2.7% มูลค่ารวม 1,501 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ส่วนประกอบและอุปกรณ์ยานยนต์ : ไทยมีสัดส่วนการส่งออกไปสหรัฐฯ ที่ 2.6% มูลค่ารวม 1,404 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
เพชรพลอยและเครื่องประดับ : ไทยมีสัดส่วนการส่งออกไปยังสหรัฐฯ ที่ 2.5% มูลค่ารวม 1,387 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
เมื่อการส่งออกเป็นกำลังหลักที่ทำรายได้เข้าประเทศ ผลกระทบจากการเก็บภาษีของสหรัฐฯ ครั้งนี้อาจนำไปสู่การปรับลด GDP ในอนาคต โดยมีโอกาสเห็นการเติบโตในปีนี้ที่ต่ำกว่า 2% อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้ต้องจับตาว่ารัฐบาลไทยจะมีการเจรจากับสหรัฐฯ เพื่อลดระดับอัตราภาษีลงจากระดับดังกล่าวได้มากน้อยเพียงใด










