ราชกิจจาฯ ประกาศแล้ว ผ่อนคลาย ‘สวมหน้ากากฯ โดยความสมัครใจ’ มีผลทันที
โดยในประกาศ ข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 46) ได้ผ่อนคลายข้อปฏิบัติในการสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากทั่วราชอาณาจักร สรุปได้ดังนี้
“การสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าให้เป็นการปฏิบัติโดยความสมัครใจ” โดยขอให้ประชาชนพิจารณาประโยชน์ตามข้อมูลที่ฝ่ายสาธารณสุข รายงานว่า การสวมหน้ากากอย่างถูกวิธีเป็นประโยชน์ด้านสุขอนามัยในการป้องกันการแพร่เชื้อและการรับเชื้อ ทั้งเชื้อโรคโควิดและโรคติดเชื้อทางระบบทางเดินหายใจอื่นๆ รวมทั้งยังสามารถลดความเสี่ยงอื่นที่อาจกระทบต่อสุขภาพ
กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข มีข้อแนะนำว่า ให้ประชาชนทั่วไปสวมหน้ากากอนามัยเมื่ออยู่ร่วมกับบุคคลอื่น ในสถานที่หรือในพื้นที่แออัด มีการรวมกลุ่มคนจำนวนมาก ไม่สามารถเว้นระยะห่างได้ หรืออากาศระบายถ่ายเทไม่ดี
บุคคลที่ควรสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา
– ผู้เข้าข่ายที่เมื่อติดเชื้อโควิด-19 จะมีอาการรุนแรงหรือความเสี่ยงสูงต่อการเสียชีวิต (กลุ่ม 608)
– ผูัที่มีโรคประจำตัวเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ
– กรณีเป็นผู้ติดเชื้อโควิด-19 หรือผู้สัมผัสเสี่ยงสูงจากเชื้อโควิด-19 จำเป็นต้องสวมหน้ากากอนามัยอย่างถูกวิธีตลอดเวลาเมื่ออยู่ร่วมกับบุคคลอื่นเพื่อลดความเสี่ยงและป้องกันการแพร่โรค
นอกจากนี้ ประกาศฉบับดังกล่าว ยังผ่อนคลายให้เคลื่อนย้ายแรงงานต่างด้าวได้ทั่วประเทศ
ร้านจำหน่ายอาหารหรือเครื่องดื่ม เปิดให้บริการจำหน่ายและบริโภคสุราหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในร้านได้
สถานบันเทิง ผับ บาร์ คาราโอเกะ หรือสถานที่อื่นที่มีลักษณะคล้ายกันสามารถเปิดได้ ภายใต้กฎหมาย กฎหรือระเบียบที่กำหนดฯ และต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรค คำแนะนำของทางราชการ
ขณะเดียว ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่ คำสั่งนายกรัฐมนตรี ที่ 4/2565 เรื่องยกเลิกศูนย์บูรณาการแก้ไขสถานการณ์โควิด-19 ในพื้นที่กรุงเทพและปริมณฑล มีผลทันทีเช่นกัน โดยให้ส่งมอบภารกิจมาให้ศูนย์ปฏิบัติการ ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 หรือ ศปก.ศบค.
ทั้งนี้ ยังมี ประกาศเกี่ยวกับยกเลิกการลงทะเบียนการเดินทางเข้าราชอาณาจักร สำหรับผู้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรทุกประเภท (ยกเลิก Thailand Pass สำหรับชาวต่างชาติ) โดยจะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. 65
และ คำสั่งศบค. ที่ 12/2565 เรื่อง พื้นที่สถานการณ์ที่กำหนดเป็นพื้นที่เฝ้าระวัง ตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน










