หนี้สาธารณะของสหรัฐพุ่งทะลุ 31 ล้านล้านเหรียญ ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ และเป็นระดับที่สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ จากผลกระทบดอกเบี้ยขาขึ้น
สื่อต่างประเทศรายงานว่า การกู้ยืมเงินของสหรัฐถูกมองว่าอยู่ในระดับที่ ‘ยั่งยื่น’ (Sustainable) ตลอดในช่วงที่ผ่านมา เพราะอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำเป็นประวัติการณ์ แต่เมื่ออัตราดอกเบี้ยกลายเป็นขาขึ้น ก็ย่อมกระทบต่อฐานะการคลังของประเทศเป็นธรรมดา
ล่าสุด หนี้สาธารณะของสหรัฐพุ่งทะลุ 31 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.16 พันล้านล้านบาท) เป็นครั้งแรก สูงสุดเป็นประวัตการณ์ ซึ่งเป็นผลจากต้นทุนการกู้ยืมที่สูงขึ้น เพราะธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) เดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยเพื่อต่อสู้กับเงินเฟ้อ
ทั้งนี้ การกู้ยืมเงินของรัฐบาลสหรัฐเพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงโควิด-19 เพื่อต่อสู้กับการระบาดครั้งใหญ่โรคติดเชื้อไวรัส รวมถึงมาตรการลดภาษีต่างๆ เพื่อช่วยเหลือประชาชน
‘ไมเคิล ปีเตอร์สัน’ ประธานมูลนิธิปีเตอร์กรัมปีเตอร์สัน มูลนิธิด้านการเงินและเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกา ระบุว่า อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นอาจสร้างภาระให้รัฐบาลสหรัฐเพิ่มขึ้นอีกราว 1 ล้านล้านเหรียญ (ราว 37 ล้านล้านบาท) ในการจ่ายคืนดอกเบี้ยตลอดช่วง 10 ปีต่อจากนี้
ปัจจุบัน Fed กำหนดอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐไว้ที่ระหว่าง 3.00-3.25% แต่คาดการณ์ล่าสุดของธนาคารกลางชี้ว่า Fed อาจขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นอีกเป็น 4.6% ภายในสิ้นปี 2566
ทั้งนี้ หนี้ของรัฐบาลกลางไม่เหมือนกับการจ่ายหนี้บ้าน 30 ปีที่มีอัตราดอกเบี้ยคงที่ โดยรัฐบาลต้องออกตราสารหนี้ใหม่อย่างต่อเนื่อง ซึ่งหมายความว่าต้นทุนการกู้ยืมจะเพิ่มขึ้นและลดลงตามอัตราดอกเบี้ย
สำหรับประเทศไทย จากข้อมูลล่าสุดในเดือน ส.ค. 2565 พบว่า หนี้สาธารณะอยู่ที่ระดับ 10.3 ล้านล้านบาท ขณะที่อัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ 1.00%
ที่มา:
- www.nytimes.com/2022/10/04/business/national-debt.html
- www.usdebtclock.org/
- www.pdmo.go.th/th/public-debt/debt-outstanding
- www.bot.or.th/Thai/PressandSpeeches/Press/2022/Pages/n5065.aspx










