วันนี้มีสื่อหลายสำนักข่าว รายงานกรณี ‘ค่าน้ำประปา’ เตรียมปรับขึ้น ซึ่งจากเนื้อหาสรุปได้ว่า ในส่วน การประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) มีโอกาสปรับราคาค่าน้ำขึ้น โดยผู้บริหาร กปภ. อยู่ระหว่างศึกษาโครงสร้างค่าน้ำใหม่
แต่ในส่วนของผู้ใช้น้ำในกรุงเทพฯ ทาง การประปานครหลวง ยังตรึงราคาค่าน้ำต่อไปก่อน โดยมีรายละเอียด ดังนี้
นายมานิต ปานเอม ผู้ว่าการ การประปานครหลวง (กปน.) เปิดเผยว่า ปัจจุบัน กปน. ได้รับผลกระทบจากต้นทุนหลังการผลิตน้ำประปาเพิ่มขึ้นทุกอย่าง ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายสูงขึ้นมาก ประกอบด้วย
1. ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง รัฐบาลเรียกเก็บที่ราชพัสดุ กปน. ต้องเสีย 150 ล้านบาทต่อปี จากเดิมไม่ต้องเสีย
2. ค่าน้ำดิบ จ่ายให้กับกรมชลประทาน วันละ 3 ล้านบาท
3. ค่าไฟ เพิ่มขึ้น 20-30% หรือประมาณ 20 ล้านบาทต่อเดือน จากค่าเอฟทีของรอบเดือนมกราคม-เมษายน 2566 ปรับขึ้นกว่า 90 สตางค์
4. ค่าธรรมเนียมการวางท่อ ที่เพิ่มเป็น 100 ล้านบาทต่อปี
อย่างไรก็ตาม ตามข่าว ผู้ว่าการ กปน. ยืนยันว่า แม้ต้นทุนจะสูงขึ้น แต่ กปน.จะตรึงค่าน้ำไว้ให้นานที่สุด ตามนโยบายของรัฐบาล ยังไม่ต้องการให้ขึ้นค่าน้ำ ขณะเดียวกันจะพยายามบริหารจัดการต้นทุนทุกด้านให้เกิดประโยชน์สูงสุด เช่น การใช้ไฟฟ้า โดยจ่ายน้ำตามความต้องการใช้ เป็นต้น
ขณะที่ นายมงคล วัลยะเสวี รองผู้ว่าการ การประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) กล่าวว่า ตอนนี้ กปภ. อยู่ระหว่างศึกษาโครงสร้างค่าน้ำใหม่ ตามต้นทุนเพิ่มขึ้น 15-20% ทั้งจากค่าไฟ ค่าสารเคมี เพื่อขอขึ้นค่าน้ำ หลังไม่ได้ขึ้นมากว่า 10 ปี อีก 2 เดือนจะแล้วเสร็จ
จากนั้น เสนอให้รัฐบาลใหม่พิจารณาว่า จะให้ปรับขึ้นหรือไม่ หรือจะให้ดำเนินการอย่างไรต่อไป การปรับขึ้นค่าน้ำเคยขอกับกระทรวงมหาดไทยแล้ว แต่ไม่ได้รับอนุมัติ และขอให้เราประหยัดค่าใช้จ่ายแทน
อ้างอิง : พิจารณาปรับโครงสร้างราคาค่าประปา










