การลาออกพร้อมกันของแพทย์อินเทิร์นที่โรงพยาบาลบึงกาฬ สร้างแรงกระเพื่อมให้กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ต้องเร่งออกแนวทางรับมือ ปัญหานี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่เป็นเรื่องคาราคาซังมาอย่างยาวนานและสะท้อนถึงวิกฤตสาธารณสุขไทย
รายการ HEADLINE โดยสำนักข่าว TODAY พูดคุยกับ นพ.วีระพันธ์ สุวรรณนามัย สมาชิกวุฒิสภา ถึงประเด็นปัญหาที่เกิดขึ้นที่คุณหมอวินิจฉัยว่าระบบสาธารณสุขไทยตอนนี้ ‘เจ็บระดับ 9 จาก 10’
[อินเทิร์นลาออก สะเทือนปัญหาใต้พรม]
นพ.วีระพันธ์ เล่าย้อนให้ฟังว่าปัญหาหมอลาออกและหมอขาดแคลนมีมาตลอด ตั้งแต่เขาเรียนจบแพทย์มาใหม่ๆ เมื่อปี 2542 และเป็นปัญหาที่ไม่เคยได้รับการหยิบยกขึ้นมาพูดถึงอย่างจริงจัง ส่วนหนึ่งเนื่องจากการมองว่าหมอมีหน้าที่ต้องเสียสละ
นอกจากนั้นแล้วก็มีข่าวให้เห็นอย่างต่อเนื่อง ที่บุคลากรทางการแพทย์ลงเวรแล้วขับรถชนเสียชีวิต หรือข่าวการทำร้ายบุคลากรทางการแพทย์ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการทำงานหนักเกินไปและความไม่ปลอดภัยในชีวิตการทำงาน การลาออกพร้อมกันหลายคนของหมอในจังหวัดที่ขาดแคลนบุคลากรจึงกลายเป็นเหมือน ‘ฝีแตก’ ปะทุปัญหาที่หมักหมมออกมา
“บึงกาฬเป็นจังหวัดหนึ่งที่ต้องถือว่ามันมันไกล หมอต่อประชากรของบึงกาฬ หมอ 1 คนจะต้องดูแลประชากรเนี่ยประมาณ 6,000 คน ซึ่งเป็นตัวเลขที่มันเกินรับไหวนะเอาจริงๆ ทีนี้ลองคิดภาพว่าหมอออกไป 6 คน มันวูบเลยนะ เพราะฉะนั้นมันก็เลยเกิดปัญหาขึ้นก็เลยมีการสืบหาความจริงว่า มันเกิดอะไรขึ้นที่บึงกาฬ ปัญหาเรื่องนี้มันก็เลยเหมือนกับฝีแตกปะทุออกมา” นพ.วีระพันธ์ กล่าว
ปัญหาเรื้อรังที่ยังไม่ถูกแก้ไขนี้ นพ.วีระพันธ์ มองว่าอาจทำให้ระบบสาธารณสุขพังได้ในที่สุด เนื่องจากภาระงานที่หนักเกินไปของบุคลากรทางการแพทย์ ที่ต้องทำงานในเวลาราชการและนอกเวลาราชการจนไม่ได้พักผ่อน และสวัสดิการที่ไม่ตอบโจทย์ก็อาจทำให้เกิด “โมเดลบึงกาฬ” มากขึ้นเรื่อยๆ
“มันจะเป็นทำนองนั้นแหละในอนาคต คือตอนนี้โมเดลบึงกาฬ อินเทิร์นลาออกเยอะๆ เนี่ยมันเห็นแล้ว เพราะฉะนั้นในปีหน้าหรือไม่ต้องถึงปีหน้าก็ได้ ผมเชื่อว่าจะเกิดโมเดลนี้กระจายเพิ่มมากกว่าบึงกาฬในบางโรงพยาบาลที่ workload มาก สวัสดิการการแย่ พี่ไม่ดูแลน้องดีๆ ผมเชื่อว่าโมเดลนี้จะกระจายออกไปอีก แล้วถึงตอนนั้นนะฮะ ท่านอาจจะเห็นโรงพยาบาลปิด 2 ทุ่ม แผนกฉุกเฉินไม่มี” นพ.วีระพันธ์ ประเมิน
[แก้ปัญหา ต้องเริ่มจากความจริงใจ ไม่ใช่แก้ตัว]
หลังกระแสดังกล่าวได้ถูกพูดถึง ทำให้สธ. ได้เร่งตรวจสอบ พร้อมชี้แจงและออก 7 แนวทางเพื่อแก้ปัญหาเร่งด่วน ได้แก่
1.กำหนดพื้นที่พิเศษ เพิ่มสิทธิประโยชน์ให้กับบุคลากร
2.เพิ่มจำนวนแพทย์เพิ่มพูนทักษะ
3.ขอสนับสนุนแพทย์เฉพาะทางจากจังหวัดใกล้เคียง
4.พัฒนาระบบบริการสุขภาพด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล (Digital Health) และ Telemedicine
5.กำหนดตำแหน่งข้าราชการรองรับแพทย์จากสถาบันเอกชนและต่างประเทศ
6.พิจารณาเพิ่มค่าตอบแทนนอกเวลาราชการหรือ OT
7.ส่งเสริมสวัสดิการ
อย่างไรก็ตาม นพ.วีระพันธ์ ระบุว่าเห็นด้วยกับการกำหนดพื้นที่พิเศษเพิ่มสิทธิประโยชน์ ซึ่งเป็นมาตรการที่สามารถทำได้เลย แต่ต้องเร่งดำเนินการเพราะต้องมีการประกาศระดับกระทรวง ระดับคณะรัฐมนตรี ขณะที่แนวทางข้ออื่นๆ อาจมีข้อจำกัด เช่น อาจต้องใช้เวลาอย่างน้อย 6 ปีในการเพิ่มจำนวนแพทย์เพิ่มพูนทักษะ การขอสนับสนุนแพทย์จากจังหวัดใกล้เคียงก็จะส่งผลกระทบต่อกันเป็นลูกโซ่ ในโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพสต.) บางแห่งอินเทอร์เน็ตก็ยังคงไม่ถึง ขาดอุปกรณ์ในการทำ Telemedicine จะเอาตำแหน่งข้าราชการรองรับเพิ่มอย่างไรทั้งที่ปัจจุบันยังมีบุคลากรทางการแพทย์ที่ยังไม่ได้บรรจุ รวมถึงยังต้องเผชิญปัญหาเรื่องงบประมาณที่อาจเป็นอุปสรรคในการเพิ่มค่าตอบแทนและสวัสดิการ
“ต้องเริ่มจากความจริงใจของคนที่ต้องการแก้ปัญหาก่อน ไม่ใช่การแก้ตัว ไม่ใช่ว่าพอเกิดปัญหาแล้วเราก็มาแก้ มาบอกไม่จริงนะ…เพราะฉะนั้นเนี่ยอันดับแรกคือต้องมีความจริงใจก่อนที่จะแก้ปัญหาต้องรับฟังรับฟังปัญหาจากคนที่เขาทำงานจริงๆ อย่าไปรับฟังจากหมออาวุโสที่อยู่ข้างบนที่ลืมชีวิตตัวเองสมัยหนุ่มๆ ไปแล้ว” นพ.วีระพันธ์ กล่าว
[ถึงเวลาหรือยังกับระบบ Co-Payment ?]
นพ.วีระพันธ์ ให้ความเห็นถึงภาระงานที่มากเกินไปของแพทย์ ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะการที่คนรักษาสุขภาพน้อยลง และมีโครงการที่ลดภาระค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล ซึ่งต่างประเทศอย่างอังกฤษก็ได้หันไปใช้ระบบการมีส่วนร่วมจ่ายค่ารักษาพยาบาลในแต่ละครั้ง หรือ Co-Payment แล้ว
“ต้องยอมรับอย่างหนึ่งว่าโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค จนตอนนี้ไม่ได้เก็บ 30 บาทแล้วนะครับ เป็นนโยบายที่ชาวบ้านได้ประโยชน์จริงนะ จะสังเกตว่ามีคนล้างไตมีคนที่แบบได้ทำการรักษาโรคเรื้อรัง อุบัติเหตุต่างๆ ที่ทำให้คุณภาพชีวิตเขาดีขึ้นจริง อันนี้ส่วนนี้ต้องยอมรับ แต่ข้อดีเหล่านี้เองจริงๆ ก็มีปัญหามากพอสมควร เพราะว่าคนเริ่มจะไม่รักษาสุขภาพ คนจะไม่ดูแลตัวเอง คนก็จะไปโรงพยาบาลนะเป็นไรเป็นเล็กเป็นน้อยไปกี่โมงก็ไปได้หมดนะครับ….ผมเชื่อว่าสามารถที่จะแก้ได้ด่วนที่สุดและตรงประเด็นและลดได้เกือบทุกปัญหาเลยจริงๆ ตอนนี้คือ Co-pay คือคุณไปโรงพยาบาลครั้งหนึ่งเนี่ยคุณต้องมีส่วนเสียบ้าง อย่างเช่น 100 บาท มันไม่เยอะ แต่ว่าคุณจะยับยั้งการไปโรงพยาบาลลง…เพราะฉะนั้นผมคิดว่า Co-pay จะแก้ปัญหาได้หลายอย่าง เงินก็จะเข้าระบบมากขึ้น Workload ของแพทย์จะลดลง คนจะรักษาสุขภาพมากขึ้นกว่าเก่า” นพ.วีระพันธ์ เสนอ










