บล.ไพน์ เวลท์ โซลูชั่น เดินหน้าสู่การเป็น Wealth Tech อย่างเต็มรูปแบบ หลังสินทรัพย์ภายใต้คำแนะนำ (AUA) ในปี 2568 เพิ่มขึ้นแตะระดับ 18,000 ล้านบาท ปีหน้าเร่งเครื่อง AUA แตะ 3 หมื่นล้าน ดันรายได้โตอีก 35% กำไรพุ่ง 40–45% พร้อมนำเทคโนโลยี AI เข้ามาช่วยยกระดับการลงทุนและการให้บริการ ภายใต้แนวคิด “Secure Your Wealth, Liberate Your Time” ดูแลความมั่งคั่งให้มั่นคง และช่วยให้ลูกค้ามีเวลาชีวิตมากขึ้น
บริษัทเตรียมใช้ระบบ AI วิเคราะห์การลงทุนแบบ Multi-Asset ให้ทันทุกสถานการณ์ เสริมความแม่นยำในการตัดสินใจ พร้อมพัฒนาระบบหลังบ้านให้ทำงานได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อมอบประสบการณ์ที่ง่าย สะดวก และตอบโจทย์ลูกค้ายุคใหม่ นอกจากนี้ ยังเตรียมเพิ่มทางเลือกการลงทุนผ่านผลิตภัณฑ์ Structured Note ที่คัดสรรเป็นพิเศษในช่วงต้นปี 2569
‘พงศกร พูนพิเชฐธรรม’ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ ไพน์ เวลท์ โซลูชั่น จำกัด เปิดเผยว่า การเติบโตของ AUA มาจากการขยายทีมที่ปรึกษาทางการเงินส่วนบุคคล (Private Wealth) ควบคู่กับการนำเสนอผลิตภัณฑ์การลงทุนที่หลากหลาย โดยบริษัทยังคงเน้นการออกแบบพอร์ตลงทุนเฉพาะบุคคล ให้เหมาะกับเป้าหมายและระดับความเสี่ยงของลูกค้าแต่ละราย
บริษัทเดินหน้าภายใต้แนวคิด One-Stop Financial Service มีทีมผู้เชี่ยวชาญช่วยวางกลยุทธ์การลงทุนแบบ Asset Allocation บนโมเดล Open Architecture ทั้งการลงทุนระยะกลาง–ยาว และการจับจังหวะตลาดให้เหมาะกับสไตล์ของลูกค้า
ตลอด 2–3 ปีที่ผ่านมา ไพน์ เวลท์ ได้พัฒนาเทคโนโลยี AI-Powered Multi-Asset Investment Intelligence เพื่อใช้วิเคราะห์ทั้งปัจจัยพื้นฐานและเทคนิค โดยเริ่มทดลองใช้กับทีมที่ปรึกษาการลงทุนก่อน และมีแผนนำ AI มาใช้เต็มระบบทั่วทั้งองค์กรในปีหน้า เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและยกระดับการดูแลลูกค้าอย่างรอบด้าน
“เป้าหมายของเราคือช่วยให้ลูกค้าไม่ต้องกังวลเรื่องความมั่งคั่งทางการเงิน และมีเวลาไปใช้กับสิ่งสำคัญในชีวิตมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นครอบครัว ธุรกิจ หรือสุขภาพ” นายพงศกรกล่าว พร้อมย้ำว่าบริษัทยังคงให้ความสำคัญกับการสร้างพอร์ตการลงทุนที่ยืดหยุ่นและรับมือกับความผันผวนได้
ในด้านผลิตภัณฑ์การลงทุน ไพน์ เวลท์ เตรียมร่วมมือกับพันธมิตร บลจ. เปิดตัว Structured Note ในไตรมาส 1/2569 เพื่อช่วยจับจังหวะตลาดและสร้างโอกาสทำกำไรได้ แม้ในช่วงตลาดขาลง
ด้านมุมมองการลงทุน นายปิยะทัศน์ พาโสมนัสสกุล ผู้ช่วยผู้อำนวยการ และหัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน ระบุว่า ปี 2569 เป็นปีที่ท้าทาย หลังตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวขึ้นแรงต่อเนื่องจากกระแส AI และดอกเบี้ยขาลง โดยภาพรวมเข้าสู่ช่วง “Normalization After the AI Hype and Rate Easing” ตลาดยังมีแนวโน้มขาขึ้น แต่การปรับตัวจะค่อยเป็นค่อยไป และแกว่งตัวมากขึ้น เพราะมูลค่าหุ้นสะท้อนปัจจัยบวกไปมากแล้ว
นักลงทุนเริ่มคาดหวังผลประกอบการมากขึ้น โดยเฉพาะหุ้นเทคโนโลยี หากผลออกมาต่ำกว่าคาด ก็อาจเกิดแรงขายทำกำไรได้ง่าย ท่ามกลางความไม่แน่นอนจากนโยบายและความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์
อย่างไรก็ดี ตลาดหุ้นปีหน้ายังไม่หมดโอกาส เพียงแต่การลงทุนอาจไม่กระจุกตัวอยู่ที่หุ้นสหรัฐฯ กลุ่มเทคโนโลยีเหมือนเดิม นักลงทุนเริ่มมองหาทางเลือกใหม่ ทั้งหุ้นเอเชียและกลุ่ม Emerging Market ที่มี Valuation ถูกกว่า รวมถึงตลาดยุโรปและญี่ปุ่นที่มีปัจจัยเฉพาะตัวสนับสนุน
ขณะเดียวกัน การกระจายการลงทุนไปยังสินทรัพย์ที่มีความสัมพันธ์กับหุ้นต่ำยังเป็นหัวใจสำคัญ เพื่อลดความผันผวนของพอร์ต โดยทีมกลยุทธ์การลงทุนของไพน์ เวลท์ ยังคงมองหาโอกาสสร้างผลตอบแทน (Alpha) ควบคู่กับการบริหารความเสี่ยง และพร้อมร่วมมือกับพันธมิตรทางการเงินทั้งในและต่างประเทศ เพื่อออกแบบการลงทุนให้สอดคล้องกับเป้าหมายของลูกค้าแต่ละราย
ด้านมุมมองการลงทุน ‘ปิยะทัศน์ พาโสมนัสสกุล’ หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.ไพน์ เวลท์ โซลูชั่น มองว่า ปี 2569 ตลาดหุ้นโลกกำลังเข้าสู่ช่วง Normalization หลังแรงเก็งกำไรจาก AI และดอกเบี้ยขาลง แม้ภาพรวมยังเป็นขาขึ้น แต่การปรับตัวจะชะลอลงและผันผวนมากขึ้น เนื่องจากราคาหุ้นสะท้อนปัจจัยบวกไปมากแล้ว และระดับ Valuation อยู่ในระดับตึงตัว
การลงทุนมีแนวโน้มไม่กระจุกตัวในหุ้นสหรัฐฯ กลุ่มเทคโนโลยีเหมือนที่ผ่านมา นักลงทุนควรกระจายพอร์ตไปยังเอเชียและกลุ่ม Emerging Market ที่มีมูลค่าถูกกว่า รวมถึงตลาดยุโรปและญี่ปุ่นซึ่งมีปัจจัยเฉพาะตัวสนับสนุน พร้อมเพิ่มสัดส่วนสินทรัพย์ที่ช่วยลดความผันผวนของพอร์ต
ขณะที่ตลาดหุ้นไทยในปี 2569 ยังเผชิญความไม่แน่นอนทางการเมือง ปรับเป้าดัชนี SET เหลือ 1,300–1,320 จุด และมองแนวรับที่ 1,100–1,120 จุด ซึ่งอาจกดดันความเชื่อมั่นนักลงทุนในระยะถัดไป










