กรณ์ จาติกวณิช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เห็นด้วยกับโครงการบ้านล้านหลังในแง่การเปิดโอกาสให้ผู้มีรายได้น้อยได้มีที่อยู่อาศัย แต่เสนอให้โครงการนี้เป็นรัฐสวัสดิการ มากกว่าโครงการชั่วคราว
https://www.facebook.com/WorkpointNews/videos/280159636241880/
ปรากฎการณ์ประชาชนจับจองที่อยู่อาศัย โครงการบ้านหลังแรก ของ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ เพียง 1 วัน มียอดจองสิทธิ์ถึง 130,000 ล้านบาท ขณะที่ ธอส. อนุมัติกรอบวงเงิน 50,000 ล้านบาท
นายกรณ์ จาติกวณิช อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แสดงความเห็นว่าเป็นโครงการที่ประชาชนสนใจมาก ส่วนตัวมองว่า จะไม่มีปัญหาหนี้เสีย หรือ NPL ที่ส่งผลกระทบต่อระบบการคลังของประเทศ เพราะธอส. จะมีการกรองความเหมาะสมในการกู้ โดยผู้ที่จะได้รับอนุมัติจะต้องมีรายได้ขั้นต่ำสุทธิ 7,500 บาทต่อเดือน คาดว่าจะเหลือผู้กู้ได้จริงเพียงร้อยละ 50 ทั้งอัตราการผ่อนที่เทียบเคียงกับราคาเช่าบ้าน ส่วนตนมองว่า ผู้กู้ซื้อบ้านจะพยายามไม่ให้หนี้บ้านเป็นหนี้เสีย ดังนั้น การเกิดอัตราหนี้เสีย หรือ NPL น่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ ส่วนที่รัฐบาลเข้าไปชดเชยจ่ายดอกเบี้ยส่วนต่างของดอกเบี้ย จะมีผลให้รัฐชดเชยดอกเบี้ยประมาณ 4,000 ล้านบาท เป็นภาระผูกพันในระยะ 5-6 ปี อยู่ในหลักเกณฑ์ที่รัฐรับได้
ทั้งนี้มองว่า โครงการนี้เป็นผลดีกับประชาชนที่มีรายได้น้อย เพราะมีการกำหนดราคาบ้านให้อยู่ในราคา 1 ล้านบาท เป็นการกำหนดความชัดเจนในการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย ซึ่งส่วนใหญ่ เป็นกลุ่มที่กู้สินเชื่อที่อยู่อาศัยได้ยาก เช่นเดียวกับนโยบาย “บ้านหลังแรก”ในสมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี ขณะนั้นรัฐบาลเข้าไปชดเชยอัตราดอกเบี้ยส่วนต่าง และกำหนดเพดานราคาบ้าน 3 ล้านบาท
ส่วนข้อสังเกตโครงการออกมาในช่วงระหว่างการหาแข่งขันการเลือกตั้งของพรรคการเมือง มีวัตถุประสงค์ทางการเมืองหรือไม่นั้น นายกรณ์แสดงความเห็นว่า อยู่ที่วิจารณญาณของประชาชน แต่ในทางการเมือง ถือว่าเป็นการสร้างงบผูกพันไปยังรัฐบาลชุดต่อไป โดยตามข้อเท็จจริง รัฐบาลควรเป็นรัฐบาลรักษาการไม่ควรอนุมัติโครงการที่สร้างภาระงบผูกพัน
ส่วนโครงการนี้เป็นประชานิยมหรือไม่ นายกรณ์มองว่าเข้าข่ายประชานิยม อาจสร้างความไม่เป็นธรรมกับพรรคการเมืองพรรคอื่น อย่างไรก็ตาม ขอให้ดูถึงประโยชน์ที่ประชาชนได้รับ โครงการ “บ้านล้านหลัง”มีหลักคิดถูกต้องแต่ควรทำให้เป็นรัฐสวัสดิการมากกว่า
