ปัญหาหมอกควัน ที่เกิดจากการเผาป่าในภาคเหนือ มีมานานกว่า 10 ปีแล้ว แต่ปีนี้รุนแรงมากกว่าครั้งก่อนๆ โดยเฉพาะใน อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งการเฝ้าระวังก็เป็นไปได้ยาก เพราะกำลังของเจ้าหน้าที่ป่าไม้มีไม่เพียงพอ
.
ทีมข่าวเวิร์คพอยท์ลงพื้นที่สำรวจเหตุการณ์ไฟป่าที่เกิดในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ในช่วงวันที่ 2-7 เมษายน 2562 โดยเฉพาะในอำเภอเชียงดาวพบว่า มีการเกิดไฟป่าขึ้นหลายจุดและรุงแรงขึ้นกว่าปีที่แล้ว ซึ่งสาเหตุหลักของการเกิดไฟป่านั้น มาจากคนที่ลักลอบเผาเพื่อเข้าไปหาของป่าล่าสัตว์ อีกทั้งปีนี้ยังแล้งจัดไม่มีฝนตกจึงทำให้ไฟลุกไหม้ได้ง่าย ทางจังหวัดและหน่วยงานต่างๆ จึงได้มีการจัดชุดเจ้าหน้าที่เพื่อลาดตระเวนและดับไฟป่าในพื้นที่ เพราะพื้นที่ป่าในจังหวัดเชียงใหม่นั้นกว้างมาก กำลังของเจ้าหน้าที่ป่าไม้ในเขตอุทยานหรือเขตรักษ์พันธุ์สัตว์ป่ามีไม่เพียงพอ อย่างพื้นที่ในตำบลเมืองนะ มีพื้นที่อุทยานอยู่ประมาณ 3 แสน 5 หมื่นไร่ มีหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติดูแลพื้นที่ 2 หน่วย อัตรากำลังรวมกันทั้งหมด 11 นาย ต้องดูแลพื้นที่เฉลี่ยคนละ 3 หมื่น 5 พันไร่ จึงจำเป็นต้องเสริมกำลังจากหลายหน่วยงานทั้ง ผู้นำหมู่บ้าน ทหาร ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) อาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน (อปพร.) อาสาสมัครของหมู่บ้าน และหน่วยงานอื่นๆ เข้ามาร่วมด้วย
.
นายพงษ์ศักดิ์ จันทร์ตาแก้ว หัวหน้าชุดอาสาปฏิบัติการดับไฟป่าบ้านถ้ำ ต.เชียงดาว เล่าว่า เจ้าหน้าที่ชุดดับไฟป่าทุกคนต้องเตรียมพร้อมตลอดเวลา โดยในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ถึงมีนาคมที่ยังไม่มีไฟเกิดขึ้น อาสาสมัครในหมู่บ้านก็จะเริ่มทำแนวกันไฟอย่างน้อย 3 ชั้น เพื่อไม่ให้เกิดการลามของเปลวไฟ และเมื่อถึงช่วงที่มีไฟป่าต้องเตรียมพร้อม 24 ชั่วโมงเพื่อดูสถานการณ์ไฟ พร้อมจัดทีมลาดตระเวน ซึ่งในช่วงที่มีไฟป่ามากๆ อาจจะได้นอนวันละ 2-3 ชั่วโมง
.
ด้าน นางธนารีย์ ฟักผล ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน บ้านแกน้อย ต.เมืองนะ อ.เชียงดาว เผยความรู้สึกว่า เสียใจกับไฟป่าที่เกิดขึ้นในเขตหมูบ้าน ตั้งแต่มีการเริ่มเผา เจ้าหน้าที่ทุกคนไม่ได้หยุดพักเลย สุขภาพของคนในหมู่บ้านโดยเฉพาะเด็กและผู้สูงอายุก็แย่ ถ้าคนที่เผาทำไปเพราะประโยชน์ส่วนตัว เพียงแค่อยากได้สัตว์ป่าตัวเดียว ต้องมาทำลายป่าไม่รู้กี่ร้อยไร่ คนต้องมาเดือดร้อนเป็นพันคน อยากให้หยุด และเห็นใจกันบ้าง
https://www.facebook.com/WorkpointNews/videos/2748289131866551/









