จี้ สธ.เผยผลวิจัยสมุนไพรหมอแสง ตกลง “ฆ่าเซลล์มะเร็ง” ได้หรือไม่

จี้ สธ.เผยผลวิจัยสมุนไพรหมอแสง ตกลง “ฆ่าเซลล์มะเร็ง” ได้หรือไม่

ในประเทศ

ประเด็นคือ – ทั้งหมอแสงและตัวแทนภาคประชาชน ต่างรอคอยการเปิดเผยผลการวิจัยสมุนไพรหมอแสงจาก สธ. ที่มีผลออกมาแล้ว แต่ยังไม่เปิดเผยสู่สาธารณชน ว่าตกลงฆ่าเซลล์มะเร็งได้หรือไม่ จะได้มีแนวทางดำเนินการต่อ

เมื่อวันที่ 19 เม.ย 61 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายแสงชัย แหเลิศตระกูล ผู้จัดการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจังหวัดปราจีนบุรี ได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าว ถึงกรณีที่มีข่าวว่า สธ.วิจัยสมุนไพร “หมอแสง” ฆ่าเชลล์มะเร็งได้หรือไม่เสร็จแล้ว แต่ยังเปิดเผยข้อมูลเองไม่ได้ ต้องรอหารือผลการวิจัยร่วมกับ “นายแสงชัย” ก่อน ในฐานะเจ้าของงานวิจัย โดยจะเร่งประสานหารือภายในสัปดาห์นี้ นั้น

นายแสงชัย แหเลิศตระกูล กล่าวว่า ยังไม่มีการติดต่อมาแต่อย่างใด ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า หากผลวิจัยออกมาสามารถฆ่าเซลล์มะเร็งได้จริง มีความคาดหวังหรือต่อยอดแบบไหน นายแสงชัยตอบว่า “จริงๆ แล้วไม่เคยคิดเลย เพียงจะทำให้ดีที่สุดจะดีกว่า คงจะทำแจกยาสมุนไพรต่อไป หากทำไม่ไหวค่อยว่ากัน และจากการที่ลงไปแจกสมุนไพรให้แก่พี่น้อง 3 จังหวัดชายแดนใต้ มีประชาชนที่รอความหวังนั้น ไปในทีมงานโครงการกำลังใจของ “องค์ภา” เราไม่ได้คาดหวังผลการวิจัยยาจะเป็นผลแบบไหน แต่ที่เราต้องไปแจกคนใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ เนื่องจากคนจนไม่มีค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปรับยาที่ปราจีนบุรีคนละ 1 หมื่นกว่าบาท ทำให้คนจนไม่มีสิทธิมารับยา เมื่อเราไปกับโครงการ ก็เลยถือโอกาสแจกยาให้ในครั้งนี้ มีคนเก่า 100 กว่าคน คนใหม่ 200 – 300 คน ก็เลยแบ่งปันคนละ 6 เม็ด แจกไปหมดแล้ว”

นายแสงชัย กล่าวต่อด้วยว่า “ในวันที่ 2 พ.ค. 61 จะต้องลงไปแจกยาอีก พยายามจะแจกให้ได้มากที่สุด อาจจะมีผิดบ้าง  เพราะเราออกไปแจกนอกสถานที่ เราก็ไม่รู้ว่าจะช่วยคนใต้แบบไหน เขาอยู่ไกลและเป็นคนไทยด้วยกัน คิดว่ามีโอกาสจะช่วยเต็มที่ อาจจะผิดกติกาของแพทย์แผนไทยบ้าง เราก็ยอมรับว่าเราผิด เราไม่รู้ว่าเราจะทำอย่างไร ไม่รู้ว่าจะช่วยคน 3 จังหวัดภาคใต้ได้อย่างไรบ้าง คนที่อยู่ใต้ก็ไม่สามารถเดินทางมารับยาที่ปราจีนบุรีได้ เพราะว่าไม่มีเงินค่ารถ ค่าเครื่องบิน คนที่พอมีฐานะที่เดินทางมาได้ ก็ประมาณ 1 หมื่นกว่าบาทต่อคน ต้องใช้เวลา 4 – 5 วัน เราเห็นว่าหนัก คนจนเลยไม่มีสิทธิ ก็เลยถือโอกาสตรงนี้ เมื่อลงไปแล้วก็เลยแบ่งปันกันไป”

สำหรับเรื่องการวิจัยสมุนไพรหมอแสงของ สธ. นายแสงชัย กล่าวว่า “ในขณะนี้ได้มีการยื่นเรื่องจดอนุสิทธิบัตรยา โดยได้ส่งไปแล้ว แต่เรื่องยังเงียบอยู่ ส่วนการพูดคุยกับ สธ.การวิจัย ก็มีข่าวออกมาจากสื่อว่า จะมีการติดต่อมาภายในสัปดาห์นี้ เนื่องจากเราเป็นเจ้าของตำรับยานั้น ยังไม่มีการติดต่อมา หากติดต่อมาก็ยินดีพูดคุยด้วย เราก็ให้ความร่วมมือทุกครั้ง ส่วนผลจะออกมาเป็นแบบไหนค่อยว่ากันอีกครั้ง”

ภาพจาก Hfocus

ในขณะที่วันนี้ (20 เม.ย. 61) นายวีรพงษ์ เกรียงสินยศ กรรมการและเลขานุการมูลนิธิสุขภาพไทย ได้กล่าวถึงกรณีที่สถาบันมะเร็งแห่งชาติได้ทำการตรวจวิจัยประสิทธิภาพของสมุนไพรสูตรของ นายแสงชัย แหเลิศตระกูล หรือหมอแสง จ.ปราจีนบุรี ที่ทำเสร็จสมบูรณ์ ได้ผลการวิจัยออกมาแล้วว่า ทราบว่าผลการทดสอบออกมาแล้ว แต่ก็ดูแปลกและชวนสงสัยว่า ทำไมกระทรวงสาธารณสุขจึงไม่เปิดเผยข้อมูลกับสาธารณชน ทั้งนี้ ยังต้องขออนุญาตนายแสงชัยอีกด้วย ซึ่งในฐานะที่ตนเป็นภาคประชาชน และมีการศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับสมุนไพร และการดูแลผู้บริโภคส่วนหนึ่งเห็นว่า ถ้าเรื่องนี้เป็นการเก็บข้อมูลโดยหน่วยงานรัฐเองเพื่อทดสอบประสิทธิภาพ ควรเร่งเปิดเผยข้อมูลต่อสาธารณชน ไม่ว่าผลจะเป็นเช่นไร เชื่อว่าจะเกิดประโยชน์กับทุกฝ่าย แต่หากเป็นตัวนายแสงชัยเสนอขอตรวจสมุนไพรเอง ก็เห็นว่าสมควรแล้วที่ต้องขออนุญาตนายแสงชัยก่อนเปิดเผย

อย่างไรก็ตาม ตนมองว่าเรื่องประสิทธิภาพสมุนไพรรักษามะเร็งของนายแสงชัย ถือเป็นประเด็นสาธารณะที่สังคมและผู้บริโภคส่วนใหญ่อยากรับรู้ ผลจะออกมาดีหรือไม่ ก็เป็นสิ่งที่ควรบอก โดยที่ไม่จำเป็นต้องเรียกร้องให้มีการเปิดเผยสูตรเลย เพราะอาจจะเกี่ยวข้องกับลิขสิทธิ์ แต่คนอยากรู้ว่าดีหรือไม่ดี หากไม่ดี ไม่สามารถรักษาได้ก็เป็นการตัดไฟแต่ต้นลม อีกทั้งรัฐยังถือว่าเป็นหน่วยงานหลักในการคุ้มครองประชาชน การแจ้งข้อมูลเร็วก็ช่วยลดอันตรายกับคนนับพัน นับหมื่น ขณะเดียวกัน หากเป็นเรื่องดี ภาครัฐก็ควรดาหน้าให้การสนับสนุนอย่างเต็มตัว ยกย่องส่งเสริม สนับสนุนงานวิจัยต่อยอด เพราะถือเป็นหมอยาพื้นบ้านและภูมิปัญญาไทยที่ต่อยอดได้ถึงระดับ 4.0

“สำหรับประเด็นการรับรองนายแสงชัยเป็นหมอพื้นบ้าน เรื่องนี้ก็ได้มีการพูดคุยกันในกลุ่มหมอพื้นบ้าน และเหล่าปราชญ์ท้องถิ่นเช่นกันว่า กระทรวงสาธารณสุขมีการรับรองอย่างรวดเร็วในเชิงของขั้นตอน แต่ทุกคนก็ยังมองถึงประสิทธิภาพ และคิดว่าก็เป็นเรื่องดีหากประชาชนจะได้รับประโยชน์ แต่ทุกอย่างจะต้องพิสูจน์ได้ และมีความปลอดภัยได้จริง” นายวีรพงษ์ กล่าวทิ้งท้าย

Podcast

บทความที่เกี่ยวข้อง