หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ เปิดใจถึงการเข้าร่วมชุมนุมกับกลุ่มนปช. เมื่อปี 53 เผยถูกยิงด้วยกระสุนยาง ยืนยัน จะไม่ใช่ผู้นำที่พาสังคมไทยเดินไปถึงทางตัน แม้จะเจอการชุมนุมยืดเยื้อ ถ้าต้องสลายม็อบจะทำตามหลักสากลไม่ใช้กระสุนจริง
นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ให้สัมภาษณ์กับทีมข่าวเวิร์คพอยท์ เมื่อเดือนเมษายน 2561 เรื่องการเข้าร่วมชุมนุมกับคนเสื้อแดง ตอนหนึ่งกล่าวว่า ลองกลับไปดูตอนเมษา 53 ตอนที่ นปช.ชุมนุมกันอยู่ที่สะพานผ่านฟ้า วันนั้นไม่ได้อยู่หลังเวที อยู่ข้างหน้าเลย เป็นคนไปปะทะทหารตำรวจข้างหน้า ถูกยิงด้วยกระสุนยาง แล้วถูกกลุ่มคนที่อยู่ข้างหน้าพาขึ้นรถบรรทุก แล้วรถบรรทุกกว่าจะออกไปได้ก็โดนทุบรถ โดนอะไรเยอะแยะไปหมด
“ผมไม่ใช่คนที่ยืนอยู่ข้างหลัง วันนั้นผมคิดว่า ถ้าผมยืนอยู่นานกว่านั้น ถ้าไม่โดนกระสุนยาง ตอนนั้นน่าจะประมาณ 2 ทุ่ม วันที่ 10 เมษา ถ้าไม่โดนกระสุนยาง อาจโดนกระสุนจริงก็ได้”
นายธนาธร ยังบอกว่า ด้วยหลักฐานที่เป็นรูปภาพเต็มไปหมด เขาเคยร่วมชุมนุมกับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ตั้งแต่สมัยอยู่ที่สวนลุมพินีและหอประชุมเล็ก มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ก่อนที่จะถอนตัวมาตอนที่กลุ่มพันธมิตร เสนอมาตรา 7
ถึงเวลาที่มีคนเชื่อมีคนฟังมาก ประโยคที่เคยพูดว่า “ผมพร้อมจะตายเพื่อประชาธิปไตย” จะนำไปสู่การสูญเสียอีกหรือไม่?
ธนาธร : อย่างที่ผมบอกว่า เวลาผมพูดและแสดงความแน่วแน่กับสิ่งที่ผมเชื่อ ผมไม่ได้พูดแบบนั้น คือผมจะไม่ยอมให้อารมณ์มันมามีอำนาจเหนือการตัดสินใจของเหตุผล ผมพูดไปแล้วเรื่องการชุมนุมว่า การชุมนุมที่นำไปสู่ทางตันและทำให้ต้องเกิดการปราบปรามไม่ใช่การตัดสินใจของผมแน่นอน ผมจะไม่นำสังคมไทยไปถึงจุดนั้นแน่นอน ผมเชื่อในการพูดคุย ผมเชื่อว่าผมจริงใจพอที่จะคุยกับคุณทักษิณ คุยกับคุณอภิสิทธิ์ คุยกับคุณประยุทธ์อย่างตรงไปตรงมาแล้วหาทางออกร่วมกันได้ ผมเชื่ออย่างนั้น
ถ้าเป็นนายกรัฐมนตรีแล้วเจอการชุมนุมยืดเยื้อจะทำอย่างไร?
ธนาธร : คุยเลย ลงไปคุยเลย แต่ขึ้นอยู่กับเป้าหมายของการชุมนุม อย่างที่บอกการชุมนุมเป็นสิทธิ์และเสรีภาพที่ได้รับการยอมรับ แล้วเราก็ต้องยอมรับสิทธิ์ของผู้คนในการชุมนุม แต่ถ้าเป้าประสงค์ของการชุมนุม คือการผลักดันในสังคมถึงทางตันอันนี้ผิด ถ้าเป็นรัฐบาลสิ่งที่จะทำคือ ยุติการชุมนุมตามลำดับขั้นของเครื่องมือที่รัฐบาลมีโดยไม่ใช้กระสุนจริง
“สุดท้ายก็ลาออก หรือยุบสภา ถ้าต้องไปถึงจุดนั้น แต่อย่างที่ผมบอกถ้าคุณลาออก หรือยุบสภา ยอมให้อำนาจนอกระบบมันกลับมาใหม่ก็จะเป็นแบบวันนี้ ดังนั้นคุณต้องจัดการและทำให้ทุกเชื่อว่า รัฐสภามันแก้ปัญหาได้ มาแก้ปัญหากันที่นี่ ยกเว้นแต่จะมีกลุ่มคนที่ไม่หวังดีกับประชาธิปไตย แล้วผลักดันสังคมให้ไปสุดทางแบบวันนั้น… แล้วผมเชื่อว่า ผมสามารถอธิบายกับสังคมได้ว่า ผมทำทุกอย่างที่มีอำนาจอยู่ในมือสามารถทำได้อย่างสงบสุขแล้ว
ถ้ามันไม่ได้จริงๆ ถ้ามันมีกลุ่มบุคคลที่ชุมนุมแล้วเป้าประสงค์ของการชุมนุมไม่ใช่การแสดงออกเรื่องความคิดเห็นทางการเมือง ไม่ได้แสดงออกถึงพลังของความเชื่อแบบใดแบบหนึ่ง แต่เป็นการต้องการจะหยุดยั้งประชาธิปไตย ต้องการให้สังคมไทยเดินไปถึงทางตันอันนั้นก็อีกเรื่องนึง ถ้าเป้าประสงค์มาแบบนี้ ถ้าถึงจุดนั้นก็ต้องสลายการชุมนุมตามวิถีทางสากลที่มีลำดับขั้นของการใช้ความรุนแรงในการเข้าสลายการชุมนุม แต่ไม่มีการใช้กระสุนจริง ไม่มีการเอารถถังออกมา เพราะประชาชนไม่ใช่ศัตรู ต่อให้เราเห็นต่างกันก็ไม่ใช่ศัตรู ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเข่นฆ่ากัน”









