“ขอพระองค์โปรดกลับมารักษาชาติ
ขอพระองค์ทรงพระเจริญ
เราต้องการระบอบกษัตริย์”
นี่คือเสียงจากผู้ชุมนุมชาวเนปาลเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (9 มี.ค.) ที่ออกมารวมตัวกันบนท้องถนนในกรุงกาฐมาณฑุ เมืองหลวงของประเทศนับหมื่นคน เพื่อต้อนรับอดีตกษัตริย์ ‘ชญาเนนทระ’ ที่สละบัลลังก์ไปเมื่อ 17 ปีก่อน หลังเนปาลตัดสินใจเปลี่ยนระบอบการปกครองเป็น ‘สาธารณรัฐ’
นี่ไม่ใช่ความเคลื่อนไหวเพื่อต้อนรับอดีตกษัตริย์อย่างเดียว แต่เป็นการแสดงพลังเชิงสัญลักษณ์ที่ถูกมองว่า ชาวเนปาลกำลังกลับไปโหยหาการปกครองแบบเดิม หลังการเมืองเนปาลตลอดเกือบ 20 ปีที่ผ่านมาไร้เสถียรภาพ
ความเคลื่อนไหวนี้เกิดขึ้น หลังจากที่อดีตกษัตริย์ชญาเนนทระ เดินทางกลับมายังกรุงกาฐมาณฑุ จากการเดินทางเยือนพื้นที่ภาคตะวันตกของเนปาล
ชาวเนปาลจำนวนมากไปรวมตัวตลอดเส้นทางจากสนามบินตรีภูวันจนแน่นถนน รถยนต์ไม่สามารถสัญจรได้ปกติ ผู้โดยสารจำนวนไม่น้อยต้องใช้วิธีเดินเท้าแทน
การชุมนุมครั้งนี้เกิดขึ้นท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด จากเจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชน อย่างไรก็ตาม การชุมนุมเป็นไปอย่างสันติ ไม่มีความรุนแรงเกิดขึ้น
ผู้ชุมนุมวัย 72 ปีคนหนึ่งเปิดเผยกับสำนักข่าวเอพีว่า อยากออกมาแสดงพลังเพื่อสนับสนุนอดีตกษัตริย์ชญาเนนทระอย่างเต็มกำลัง เพื่อให้อดีตกษัตริย์ซึ่งตอนนี้มีสถานะเป็นสามัญชนคนหนึ่ง กลับคืนสู่ราชบัลลังก์อีกครั้ง
เช่นเดียวกับผู้ชุมนุมอายุ 50 ปีอีกคนที่ระบุว่า เขาเคยร่วมการชุมนุมต่อต้านระบอบกษัตริย์เมื่อปี 2006 แต่ตอนนี้เขาเปลี่ยนใจแล้ว และขอสนับสนุนระบอบกษัตริย์อย่างเต็มที่

[มองข้ามประวัติลุแก่อำนาจ ‘เสถียรภาพ’ สำคัญกว่า?]
เนปาลเป็นประเทศที่เคยปกครองด้วยระบอบกษัตริย์แบบฮินดูมายาวนานกว่า 240 ปี จนกระทั่งเกิดเหตุการณ์สะเทือนขวัญเมื่อปี 2001 มกุฎราชกุมารดิเพนทรา ทรงใช้พระแสงปืนก่อเหตุยิงพระบิดา กษัตริย์พิเรนทรพีรพิกรมศาหเทวะ รวมทั้งสมเด็จพระราชินีไอศวรรยาราชยลักษมีเทวีศาหะ และสมาชิกราชวงศ์อีก 7 พระองค์สวรรคต ก่อนจะใช้พระแสงปืนยิงพระองค์เองสวรรคตตาม รวมเป็น 10 ชีวิต
ในตอนนั้นสำนักพระราชวังเนปาลระบุว่า เกิดจากอุบัติเหตุพระแสงปืนลั่น อย่างไรก็ตาม กระแสข่าวระบุตรงกันว่า มกุฎราชกุมารผู้ก่อเหตุ ทรงมีอาการมึนเมา บันดาลโทษะและตั้งใจก่อเหตุ หลังถกเถียงเรื่องที่พระองค์ต้องการเสกสมรสกับสามัญชน
ข่าวช็อกโลกนี้สร้างความปั่นป่วนอย่างหนักกับเนปาลในตอนนั้น ทางการเนปาลต้องถวายการแต่งตั้งให้เจ้าชายชญาเนนทระ พระอนุชาของกษัตริย์พิเรนทรา ซึ่งไม่ได้ประทับในกาฐมาณฑุขณะเกิดโศกนาฏกรรม เสวยราชย์แทน
แต่สถานการณ์ก็ไม่ดีขึ้น ความปั่นป่วนทางการเมืองยังเกิดขึ้นต่อเนื่อง โดยในปี 2005 กษัตริย์ชญาเนนทระ เข้ายึดอำนาจเต็ม โดยพระองค์อ้างว่าต้องการปราบปรามกลุ่มกบฎลัทธิเหมา ที่มีแนวคิดต่อต้านระบอบกษัตริย์
พระองค์ประกาศยุบรัฐบาล ยุบสภา จับกุมคุมขังนักการเมือง นักข่าว ตัดการสื่อสาร พร้อมประกาศใช้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน โดยให้กองทัพเข้ามาปกครองประเทศ
การใช้พระราชอำนาจที่ถูกมองว่าลุแก่อำนาจ ทำให้เกิดการประท้วงใหญ่ กดดันให้พระองค์ต้องมอบอำนาจคืนให้กับรัฐบาลหลายพรรคการเมืองในปี 2006 โดยรัฐบาลได้ลงนามข้อตกลงสันติภาพกับกบฎลัทธิเหมา ยุติสงครามกลางเมืองที่มีอยู่เป็นทุนเดิมมาหลายทศวรรษ
จนกระทั่งในปี 2008 รัฐสภาเนปาลลงมติยกเลิกระบอบกษัตริย์ เปลี่ยนผ่านสู่การปกครองแบบสาธารณรัฐ ทำให้กษัตริย์ชญาเนนทระต้องลงจากบัลลังก์ และเปลี่ยนสถานะเป็นสามัญชนโดยอัตโนมัติ
อย่างไรก็ตาม การเมืองในระบอบสาธารณรัฐของเนปาลไม่ได้ราบรื่น โดยตั้งแต่ปี 2008 เนปาลเปลี่ยนรัฐบาลไปแล้ว 13 ชุด นี่จึงเป็นเหตุผลให้คนจำนวนไม่น้อยกลับไปโหยหาระบอบการปกครอบแบบเดิม

[อดีตกษัตริย์สงวนท่าที รู้ตัวเป็นไปไม่ได้?]
ปฏิเสธไม่ได้ว่า การต้อนรับอย่างยิ่งใหญ่นี้ อาจมีพลังมากพอที่จะแปลงเป็นแรงสนับสนุนให้ระบอบกษัตริย์เนปาลฟื้นคืนมา โดยเฉพาะถ้าอดีตกษัตริย์ชญาเนนทระเอาด้วย
หนึ่งในความเคลื่อนไหวที่จุดกระแสฟื้นระบอบกษัตริย์ขึ้นมาอีกครั้ง ก็มาจากอดีตกษัตริย์เองที่ให้ความเห็นในวันประชาธิปไตย เมื่อเดือน ก.พ.ที่ผ่านมาว่า ถึงเวลาแล้วที่ประชาชนอย่างพวกเราจะต้องมีหน้าที่ปกป้องประเทศและนำพาเอกภาพของชาติกลับคืนมา
มานิชา คอยราลา ดาราบอลลีวูดชื่อดัง และเป็นหลานสาวของอดีตนายกรัฐมนตรีบิชเวชวาร์ พราซาด คอยราลา นายกรัฐมนตรีที่ได้รับเลือกตั้งคนแรกของเนปาล ก็เป็นอีกคนที่จุดกระแสชุมนุมครั้งนี้ผ่านการโพสต์ลงโซเชียลมีเดีย ให้ชาวเนปาลมาชุมนุมที่สนามบินเพื่อต้อนรับอดีตกษัตริย์
อย่างไรก็ตาม ในการชุมนุมล่าสุด อดีตกษัตริย์ชญาเนนทระดูจะสงวนท่าทีมากขึ้น แม้จะมีรายงานก่อนหน้านี้ว่าเขาอาจมีความเคลื่อนไหวคล้อยตามผู้ชุมนุม
สื่อท้องถิ่นในเนปาลรายงานว่า มีรายงานข่าวก่อนหน้านี้ว่า อดีตกษัตริย์ชญาเนนทระ พร้อมมวลชนผู้สนับสนุน อาจเดินทางไปยังพระราชวังนารายัณหิติ ซึ่งเคยเป็นพระราชวังของอดีตกษัตริย์เนปาล ที่ปัจจุบันเปลี่ยนเป็นพิพิธภัณฑ์
หากอดีตกษัตริย์ชญาเนนทระเดินทางไปจริง ก็อาจเป็นการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ว่า เขาก็สนับสนุนการฟื้นระบอบกษัตริย์ และอาจตีความได้ว่า เขาพร้อมกลับไปเป็นกษัตริย์เนปาลเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม กำหนดการดังกล่าวก็ไม่เกิดขึ้น และสุดท้าย อดีตกษัตริย์ชญาเนนทระ ก็เลือกจะเดินทางกลับที่พักส่วนตัวที่พำนักอยู่ในตอนนี้แทน
ขณะที่ล็อก ราช บารัล นักวิเคราะห์การเมืองเนปาล ให้ความเห็นกับสำนักข่าวเอเอฟพี ชี้ว่า ณ ตอนนี้ไม่เห็นความเป็นไปได้ใดๆ ที่ระบอบกษัตริย์จะฟื้นกลับมา เพราะระบอบกษัตริย์เองก็เป็นสถาบันต้นตอของปัญหาความไร้เสถียรภาพในเนปาลด้วย










