ที่ จ.นครพนม น้ำโขงลดต่อเนื่อง ใกล้พ้นจุดวิกฤติ ทางการเร่งระบายลำน้ำสาขา หวั่นพายุซ้ำ พร้อมช่วยเหลือพื้นที่การเกษตร 12 อำเภอ คาดเสียหายกว่า 2 แสนไร่
วันที่ 14 กันยายน 2561 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ จ.นครพนม ระดับน้ำโขงเริ่มลดลงอย่างรวดเร็วในช่วง 2 – 3 วันที่ผ่านมา บวกกับไม่มีฝนตกลงมาซ้ำอีก ทำให้สถานการณ์น้ำโขงเอ่อล้น ใกล้พ้นจุดวิกฤติ ล่าสุดระดับน้ำโขงอยู่ที่ 11 เมตร ห่างจากจุดวิกฤติประมาณ 2 เมตร คือที่ระดับ 13 เมตร ทำพื้นที่น้ำโขงเอ่อท่วม ปริมาณน้ำลดลง รวมถึงลำน้ำสาขาเริ่มไหลระบายลงน้ำโขงได้มากขึ้น โดยชลประทานจังหวัดนครพนม ยังคงเปิดประตูระบายน้ำ บริเวณประตูระบายน้ำธรณิศนฤมิต โครงการพัฒนาลุ่มน้ำก่ำอันเนื่องมาจากพระราชดำริ อ.ธาตุพนม จ.นครพนม ทั้ง 4 บาน 100 เปอร์เซ็นต์ บวกกับมีการเดินเครื่องผลักดันน้ำด้วยระบบไฟฟ้า รวม 16 ตัว ต่อเนื่อง 24 ชั่วโมง เพื่อให้ลำน้ำก่ำลดปริมาณให้มากที่สุด ซึ่งปัจจุบันสามารถระบายน้ำลงน้ำโขงได้วันละประมาณ 17 ล้านลูกบาศก์เมตร ส่วนหนองหารระบายลงลำน้ำก่ำวันละ ประมาณ 3 ล้านลูกบาศก์เมตร
นอกจากนี้ ยังมีลำน้ำอูนที่รองรับน้ำมาจากพื้นที่ จ.สกลนคร ก่อนไหลลงลำน้ำสงคราม ที่ อ.ศรีสงคราม จ.นครพนม ได้มีการระบายน้ำบริเวณประตูลำน้ำอูน วันละประมาณ 15 ล้านลูกบาศก์เมตร ส่วนระดับน้ำลำน้ำอูน และลำน้ำสงคราม ยังอยู่ที่ระดับประมาณ 14 เมตร ซึ่งเริ่มลดลงวันละประมาณ 10 – 20 เซนติเมตร และยังมีพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ น้ำท่วมบ้านเรือน คือพื้นที่ ต.ท่าบ่อสงคราม อ.ศรีสงคราม มีบ้านเรือนยังถูกน้ำท่วมขังประมาณ 150 หลังคาเรือน หากไม่มีฝนตกหนักลงมาซ้ำอีก คาดว่าประมาณ 1 สัปดาห์ ระดับน้ำจะเข้าสู่ภาวะปกติ
เบื้องต้นผลกระทบน้ำท่วมในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา จากข้อมูลของกองป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดนครพนม พบว่า มีพื้นที่ได้รับผลกระทบ และประกาศเป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติน้ำท่วม รวม 12 อำเภอ 94 ตำบล 909 หมู่บ้าน 17,454 ครัวเรือน 51,080 คน คาดว่ามีพื้นที่การเกษตรได้รับความเสียหาย รวมประมาณ 2 แสนไร่ หนักสุดคือพื้นที่ อ.ศรีสงคราม ที่ติดกับลำน้ำสงคราม รวมถึงอำเภอชายแดนติดแม่น้ำโขง 4 อำเภอ มี อ.บ้านแพง อ.ท่าอุเทน อ.เมือง และ อ.ธาตุพนม โดยทางจังหวัดได้เร่งประสานงานหน่วยงานเกี่ยวข้องเข้าไปดูแลช่วยเหลือต่อเนื่องแล้ว
อ่านข่าวอื่นได้ที่
เว็บไซต์: workpointnews.com
เฟซบุ๊ก: ข่าวเวิร์คพอยท์ ตลาดข่าว
ยูทูบ: workpoint news
ทวิตเตอร์: workpoint news
อินสตาแกรม: workpointnews
