
ประเด็นคือ – นักท่องเที่ยวแห่ชมดอกพญาเสือโคร่งที่ศูนย์วิจัยเกษตรหลวงเชียงใหม่ (ขุนวาง) ขณะพบบางรายมีพฤติกรรมสร้างความเสียหายให้กับต้นพญาเสือโคร่ง
วันที่ 18 ม.ค. 61 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หุบเขาภายบริเวณพื้นที่ศูนย์วิจัยเกษตรหลวงเชียงใหม่ (ขุนวาง) ต.แม่วิน อ.แม่วาง จ.เชียงใหม่ เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวที่พากันไปชมความสวยงามของดอกนางพญาเสือโคร่ง ที่กำลังบานสะพรั่งและเป็นช่วงที่สวยงามที่สุดของปี

ดอกพญาเสือโคร่งที่นี่บานพร้อมกันนับพันต้นจนทำให้หุบเขากลายเป็นสีชมพู รวมทั้งทางเดินเข้าศูนย์วิจัยเกษตรหลวงที่ดอกพญาเสือโคร่งบานจนกลายเป็นอุโมงค์สีชมพูกว่า 1 กิโลเมตร สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับนักท่องเที่ยวที่ไปเยือน

นอกจากดอกพญาเสือโคร่งสีชมพูที่ให้สีสันสวยงามตัดกับสีครามของท้องฟ้า ที่นี่ยังมีต้นพญาเสือโคร่งที่ให้ดอกเป็นสีขาวทั้งต้น โดยมีเพียงสองต้นเท่านั้น ที่สำคัญก็คือทั้งสองต้นมีขนาดต้นที่ใหญ่ที่สุดในบรรดาต้นพญาเสือโคร่งทั้งหมดในหุบเขา สีสันที่ตัดสลับกับสีชมพูของต้นๆ อื่นๆ กลายเป็นฉากหลังที่สวยงามและเป็นจุดที่นักท่องเที่ยวพากันมาถ่ายภาพกันเป็นจำนวนมาก
ผู้สื่อข่าวสำรวจพบว่า มีนักท่องเที่ยวบางรายที่โน้มกิ่งพญาเสือโคร่งเข้ามาใกล้ตัวเพื่อถ่ายภาพให้บางจุดมีดอกร่วงและกิ่งหัก ทำให้นักท่องเที่ยวหลายคนไม่พอใจกับพฤติกรรมดังกล่าวและเป็นห่วงว่าต้นพญาเสือโคร่งจะเสียหาย แม้จะไม่ใช่ต้นไม้หายาก แต่ก็ไม่อยากให้ต้องเสียหายจากฝีมือของนักท่องเที่ยวที่ขาดจิตสำนึก

นายกิตติชัย แซ่ย่าง นักวิชาการเกษตรศูนย์วิจัยเกษตรหลวงเชียงใหม่ (ขุนวาง) เผยว่า ดอกนางพญาเสือโคร่งที่ขุนวางเริ่มบานตั้งแต่สัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะวันหยุดสุดสัปดาห์ มีนักท่องเที่ยวเข้ามาวันละ กว่า 3,000 คน ซึ่งดอกนางพญาเสือโคร่งที่นี่จะบานไปอีกประมาณ 2 สัปดาห์ ก่อนร่วงโรยไปตามฤดูกาล
ส่วนพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวที่อาจสร้างความเสียหายให้กับต้นพญาเสือโคร่ง ศูนย์วิจัยเกษตรหลวงเชียงใหม่ (ขุนวาง) ได้ขอความร่วมมือนักท่องเที่ยวให้ช่วยกันรักษาพญาเสือโคร่ง ไม่ดึงกิ่งมาถ่ายภาพ เพราะหากดอกร่วงหรือกิ่งหักจะทำให้นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาทีหลังหมดโอกาสชมความสวยงาม
สำหรับศูนย์วิจัยเกษตรหลวงเชียงใหม่ (ขุนวาง) อยู่ห่างจากตัวเมืองเชียงใหม่ ประมาณ 80 กิโลเมตร สามารถเดินทางได้สองเส้นทางคือจาก อ.แม่วาง หรือเข้าทางบ้านขุนกลาง บนดอยอินทนนท์ อ.จอมทอง









