นายกฯ ให้กำลังใจการบินไทย ออกจากแผนฟื้นฟูได้ก่อนกำหนด คาดกลับเข้าตลาดหลักทรัพย์ปี 2568

นายกฯ ให้กำลังใจการบินไทย ออกจากแผนฟื้นฟูได้ก่อนกำหนด คาดกลับเข้าตลาดหลักทรัพย์ปี 2568

การเมือง

นายกฯ ชื่นชมคณะผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการ บมจ.การบินไทย ทำตามแผนงานฟื้นฟูกิจการไปแล้วประมาณร้อยละ 70 คาดออกจากแผนฟื้นฟูได้ก่อนกำหนด พร้อมส่งกำลังใจทำต่อไปให้ดีที่สุด ให้สมกับเป็นสายการบินแห่งชาติที่คนไทยภาคภูมิใจ  เตรียมทยอยเปิดบินเพิ่มเอเชีย จีน ญี่ปุ่น และยุโรป

นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ ติดตามความก้าวหน้าการดำเนินงานตามแผนฟื้นฟูกิจการของ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ที่ขณะนี้การบินไทย ดำเนินงานตามแผนฟื้นฟูกิจการกำหนดไปแล้วราวร้อยละ 70 ประกอบกับผลการดำเนินงานที่เป็นบวกต่อเนื่องตั้งแต่เดือน พ.ค. 2565 

ผู้บริหารการบินไทยมั่นใจว่าผลการดำเนินงานในปี 2566 ก่อนต้นทุนทางการเงิน ภาษี และค่าเสื่อม (EBITDA) จะเป็นบวกมากกว่า 2 หมื่นล้านบาท ซึ่งเข้าเกณฑ์กำหนดของการยื่นขอออกจากแผนฟื้นฟูกิจการ ดังนั้นจะทำให้การบินไทยสามารถออกจากแผนฟื้นฟูกิจการก่อนเป้าหมายกำหนดในปลายปี 2567 และกลับเข้าซื้อขายหลักทรัพย์ภายในปี 2568 

โดยนายกรัฐมนตรีขอบคุณและชื่นชมคณะผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการของบริษัท การบินไทย (จำกัด) มหาชน ที่ได้กำกับเดินหน้าแผนฟื้นฟูกิจการฯ อย่างต่อเนื่อง รวมทั้งขอบคุณผู้บริหารตลอดจนพนักงานของการบินไทยทุกฝ่ายทุกคน ที่ร่วมแรงร่วมใจกันทำให้การบินไทยกลับมาแข็งแกร่ง สามารถออกจากแผนฟื้นฟูกิจการได้ก่อนเป้าหมายที่วางไว้  

นายอนุชา กล่าวว่า ล่าสุดการบินไทยได้เผยถึงภาพรวมการดำเนินงานในปัจจุบัน การบินไทยมีอัตราบรรทุกผู้โดยสารเฉลี่ยประมาณร้อยะ 80 และคาดว่าทั้งปี 2566 จะคงอยู่ในระดับร้อยละ 80 ส่วนรายได้ในปีนี้คาดว่าจะเติบโตราวร้อยละ 40 จากปี 2565 ที่คาดการณ์รายได้ 9 หมื่นล้านบาท ซึ่งเริ่มกลับมาใกล้เคียงกับช่วงก่อนเกิดโควิด-19 ที่การบินไทยมีรายได้เฉลี่ยประมาณ 1.6-1.7 แสนล้านบาทต่อปี 

ด้านความสามารถทำการบิน ขณะนี้การบินไทยเริ่มกลับมาทำการบินคิดเป็นร้อยละ 65 ของเส้นทางบินทั้งหมด หากเทียบกับปี 2562 และมีแผนจะทยอยเปิดบินเพิ่มเติมต่อเนื่องในเส้นทางเอเชีย จีน ญี่ปุ่น และยุโรปในเมืองที่มีความนิยมสูง ซึ่งจะทำให้การบินไทยกลับมาเปิดบินคิดเป็นร้อยละ 80 ในปี 2568 นอกจากนี้ จากการปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญของปริมาณความต้องการเดินทางในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปี 2565 ซึ่งมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องในปี 2566 ประกอบกับแผนเพิ่มเส้นทางและความถี่เที่ยวบินตั้งแต่ไตรมาสที่ 1 ปี 2566 เป็นต้นไป การบินไทยจึงได้เปิดรับสมัครพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินกว่า 300 อัตราเมื่อเดือน ม.ค. 2566 ที่ผ่านมา 

“ขณะนี้การบินไทยกำลังพิจารณาเรื่องการจัดหาเงินทุนใหม่วงเงิน 2.5 หมื่นล้านบาท โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างศึกษาเปรียบเทียบแนวทางจัดหาเงินทุนใหม่ และรอประเมินสถานการณ์ทางการเงิน ว่ามีความจำเป็นต้องจัดหาเงินทุนมากน้อยเพียงใด เนื่องจากปัจจุบันการบินไทยมีกระแสเงินสดเข้ามาต่อเนื่อง ซึ่งนายกรัฐมนตรีรับทราบการดำเนินงานตามแผนฟื้นฟูของการบินไทยมาโดยตลอด พร้อมชื่นชมการบินไทยที่เป็นองค์กรที่มีความสามารถในการแข่งขัน เสมือนเป็นทูตวัฒนธรรมที่ร่วมประชาสัมพันธ์ประเทศไทยมากว่า 60 ปี ผ่านการทุ่มเทการทำงานของบุคลากรจำนวนมาก ทั้งนักบิน  พนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน วิศวกร พนักงานภาคพื้น รวมทั้งพนักงานในส่วนอื่น ๆ ของบริษัทฯ  โดยนายกรัฐมนตรีขอให้กำลังใจการบินไทย คณะผู้บริหารแผนฟื้นฟูฯ ตลอดจนผู้บริหารและพนักงานการบินไทย ขอให้ทำต่อไปให้ดีที่สุด ให้การบินไทยกลับมาดำเนินกิจการอย่างเต็มขีดความสามารถ สมกับที่เป็นสายการบินแห่งชาติที่คนไทยภาคภูมิใจ” โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าว 

ทั้งนี้ เมื่อปลายปี 2565 บริษัท การบินไทยฯ ได้รายงานผลการดำเนินการไตรมาส 3 ปี 2565 บริษัทและบริษัทย่อย มีกำไรจากการดำเนินงาน ไม่รวมรายการที่เกิดขึ้นครั้งเดียว 3,920 ล้านบาท เทียบจากขาดทุนในช่วงเดียวกันของปีก่อน 5,310 ล้านบาท โดยมีรายได้รวมทั้งสิ้น 32,860 ล้านบาทเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 582 เมื่อเทียบกับไตรมาส 3 ปี 2564 ซึ่งรายได้ส่วนใหญ่กว่า 30,000 ล้านบาทมาจากการขนส่งผู้โดยสารและสินค้า 

สาเหตุที่รายได้และกำไรเพิ่มขึ้นเนื่องจากธุรกิจการบินเริ่มฟื้นตัวหลังสถานการณ์โควิดคลี่คลาย ทำให้มีผู้โดยสารเดินทางมากขึ้นร้อยละ 77 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2564 ที่มีเพียงร้อยละ 9 เท่านั้น ทำให้การบินไทยได้เพิ่มความถี่ในการบินมากขึ้นในหลายเส้นทาง อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ และบริษัทย่อยมี EBITDA หลังหักเงินสดจ่ายหนี้สินตามเงื่อนไขสัญญาเช่าทั้งในส่วนของเครื่องบินและอื่น ๆ เป็นกำไรจำนวน 6,181 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2564 ที่ขาดทุน 3,100 ล้านบาท ทั้งนี้ EBITDA สำหรับบริษัทฯ มากกว่า 20,000 ล้านบาทในรอบ 12 เดือนคือเงื่อนไขหนึ่งในการออกจากแผนฟื้นฟู

TODAYWriterTODAY

Podcast

บทความที่เกี่ยวข้อง