
แม่ค้าวุ้นเชียงใหม่ โพสต์บทเรียนเตือนใจ หลังขายวุ้นลาย “โดราเอมอน” ให้กับลูกค้า ก่อนถูกจับในข้อหาละเมิดลิขสิทธิ์
วันที่ 22 เม.ย. 2562 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีเมื่อวันที่ 20 เม.ย.62 เพจเฟซบุ๊ก “วุ้นละมุน เชียงใหม่“ โพสต์ภาพพร้อมบอกเล่าเรื่องราวถึงเหตุการณ์ขณะนำวุ้นที่ทำขายไปส่ง โดยช่วงบ่ายวันที่ 20 เม.ย.62 นำวุ้นลายการ์ตูนโดราเอม่อน จำนวน 2 ชิ้น ที่ลูกค้าสั่ง อ้างว่าจะเลี้ยงวันเกิดให้ลูกฝาแฝด ไปส่งให้ที่ร้านกาแฟตรงข้ามกับสถานีตำรวจภูพิงค์ราชนิเวศน์ ในตัวเมืองเชียงใหม่ ตามลูกค้านัด
ปรากฏว่าเมื่อไปถึงกลับถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจและตัวแทนลิขสิทธิ์โดราเอมอนจับ พร้อมพากันไปเจรจาไกล่เกลี่ยกันที่สถานีตำรวจ ก่อนที่จะมีตกลงชดใช้ค่าเสียหายให้หลักหมื่น เพื่อไม่ต้องไปต่อสู้คดีกันในชั้นศาล แม้เป็นการล่อซื้อ แต่ยอมรับว่าเป็นฝ่ายผิด พร้อมได้นำประสบการณ์มาบอกเล่าเป็นกรณีตัวอย่างให้กับผู้อื่น โดยโพสต์ดังกล่าวมีการแชร์และมีผู้เข้าไปแสดงความเห็นวิพากษ์วิจารณ์จำนวนมาก ส่วนใหญ่ตำหนิและตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับพฤติกรรมของตัวแทนลิขสิทธิ์และการทำหน้าที่ของตำรวจ

ทั้งนี้จากการตรวจสอบทราบว่าผู้โพสต์บอกเล่าเรื่องราวดังกล่าวคือ นางสาวทิพวรรณ อายุ 35 ปี ชาวอำเภอสันป่าตอง จังหวัดเชียงใหม่ เจ้าของเพจ “วุ้นละมุน เชียงใหม่” เปิดเผยว่า ทำวุ้นขายมากว่า 3 ปีแล้ว โดยไม่มีหน้าร้าน แต่จะขายและรับสั่งผ่านทางช่องทางออนไลน์ ซึ่งเมื่อลูกค้าสั่งซื้อจะทำวุ้นที่บ้าน แล้วนำไปส่งให้ตามที่ต่างๆ ที่ลูกค้านัดหมาย ทั้งในตัวเมืองเชียงใหม่ และใกล้เคียง
สำหรับกรณีที่นำเรื่องราวไปโพสต์นั้น เริ่มจากที่ตัวเองเคยทำวุ้นลายการ์ตูนโดเรมอนให้เป็นของขวัญแก่เพื่อนและโพสต์รูปไว้ในเพจของร้าน ซึ่งนานๆ ครั้งจะมีลูกค้าบางรายที่เห็นแล้วชอบและสั่งบ้างกระทั่ง ล่าสุดวันที่ 19 เม.ย. 62 มีลูกค้าเป็นผู้หญิงได้ติดต่อสั่งทำวุ้นลายโดราเอมอน จำนวน 2 ชิ้น ได้แก่ ขนาด 1 ปอนด์ และขนาด 2 ปอนด์ เพื่อให้เป็นของขวัญวันเกิดลูกฝาแฝด

ภาพจากเฟซบุ๊ก : วุ้นละมุน เชียงใหม่
โดยลูกค้าได้โอนเงินจ่ายมัดจำ 340 บาทและนัดหมายให้นำไปส่งที่ร้านกาแฟตรงข้ามสถานีตำรวจภูพิงค์ราชนิเวศน์ ในตัวเมืองเชียงใหม่ ซึ่งตัวเองทราบว่าลูกค้าจะนำไปเป็นของขวัญวันเกิดให้เด็กฝาแฝด จึงแถมให้เป็นพิเศษด้วย
ทั้งนี้เมื่อนำไปส่งให้ตามนัดหมายช่วงบ่ายของวันที่ 20เม.ย.62 ปรากฏว่ามีผู้ชายมารับแทนและจากนั้นได้แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจกับตัวแทนลิขสิทธิ์โดราเอมอน พร้อมพากันไปที่สถานีตำรวจที่อยู่ฝั่งตรงข้ามเพื่อจะดำเนินคดี แต่ให้มีการเจรจาไกล่เกลี่ยกันก่อน จนตกลงกันได้ว่าตัวเองยอมจ่ายเงินจำนวนหนึ่งหลักหมื่นเพื่อชดใช้ค่าเสียหายให้ที่ละเมิดลิขสิทธิ์ ซึ่งต้องไปหยิบยืมมาจ่ายในวันที่เกิดเรื่องเลย เพื่อแลกกับการที่ไม่ต้องไปเสียเวลาต่อสู้คดีในชั้นศาล

ภาพจากเฟซบุ๊ก : วุ้นละมุน เชียงใหม่
นางสาวทิพวรรณ กล่าวต่อว่า กรณีที่ตัวเองนำเรื่องราวที่เกิดขึ้นไปโพสต์เผยแพร่นั้น มีเจตนาเพียงอยากจะให้เป็นวิทยาทานหรืออุทาหรณ์สำหรับคนทำมาหากิน ที่อาจจะไปกระทำผิดหรือละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้อื่นโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เพื่อที่จะได้ปรับปรุงแก้ไขทำให้ถูกต้อง โดยในกรณีของตัวเองยอมรับโดยดีว่าเป็นฝ่ายผิด เพราะรู้เท่าไม่ถึงการณ์ คิดว่าการที่ทำวุ้นลายโดราเอมอนนั้น ไม่น่าจะละเมิดลิขสิทธิ์ เนื่องจากลงสีและตกแต่งด้วยมือ
อย่างไรก็ตามเมื่อได้รับการอธิบายจากตัวแทนลิขสิทธิ์ว่ามีความผิดตามกฎหมายก็เข้าใจและยอมรับผิดด้วยดี รวมทั้งจากนี้จะไม่ทำอีก เพราะครั้งนี้ได้ประสบการณ์ที่มีค่ามาก จากการที่ต้องเสียเงินชดใช้ความเสียหายค่าลิขสิทธิ์หลักหมื่นบาท ทั้งๆ ที่ขายวุ้นราคาหลักร้อยบาท ได้กำไรเพียงน้อยนิดเพื่อหาเช้ากินค่ำใช้จ่ายในครอบครัวที่มีลูกน้อย 2 คน ซึ่งไม่อยากให้กรณีนี้เกิดขึ้นกับคนอื่นๆ อีก

ล่าสุด พ.ต.ต.มนตรี พุทธขันท์ สารสัตรสอบสวน สภ.ภูพิงคราชนิเวศน์ เผยว่า คดีนี้ต้นเรื่องมาจากการที่ตัวแทนของลิขสิทธิ์ดังกล่าวได้เดินทางมาแจ้งความร้องทุกข์กับตำรวจ ซึ่งมีการแสดงตัวตน หลักฐานในการมอบอำนาจ รวมทั้งนำหลักฐานต่างๆ ในการละเมิดลิขสิทธิ์ ทั้งภาพถ่าย วุ้นโดราเอมอน รวมทั้งผู้ที่ละเมิดลิขสิทธิ์ มาแจ้งความ เพื่อขอให้ตำรวจดำเนินคดี โดยทางตำรวจเองไม่ได้ไปร่วมจับกุมด้วยแต่อย่างใด แต่ก็ให้ความร่วมมือตามสิทธิ์ทางกฏหมายของผู้เสียหาย
หลังจากนั้นทั้ง 2 ฝ่ายก็ได้ไปเจรจาพูดคุยกันเองเนื่องจากคดีนี้สามารถยอมความกันได้ โดยยืนยันว่าไม่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจไปร่วมเจรจาด้วยแต่อย่างใด โดยเฉพาะเรื่องของเงินที่มีการเรียกร้องค่าเสียหายต่างๆ ก่อนที่ตัวแทนลิขสิทธิ์ดังกล่าวจะมีขอถอนแจ้งความ โดยมีการเจรจาตกลงค่าเสียหายกันเอง โดยตำรวจไม่ได้รับรู้เรื่องราวที่ 2 ฝ่ายเจรจากันโดยในวันเกิดเหตุทางฝ่ายผู้ละเมิดลิขสิทธิ์เองก็ไม่ได้มีท่าทีอึดอัดหรือถูกบังคับข่มขู่แต่อย่างใด ซึ่งหากมีการบังคับข่มขู่หรือทำให้อึดอัดใจก็สามารถแจ้งความร้องทุกข์กับทางเจ้าหน้าที่ได้ด้วยเช่นกัน
ทั้งนี้ยอมรับว่าทางผู้บังคับบัญชาได้เน้นย้ำเรื่องของการทำคดีลิขสิทธิ์ในลักษณะนี้มาอย่างชัดเจน และรัดกุม เนื่องจากทางตำรวจเองก็ตกเป็นจำเลยสังคมในเรื่องนี้ เนื่องจากเป็นผู้บังคับใช้กฏหมาย และเป็นผู้ที่จะต้องดำเนินคดีต่างๆ ตามพยานหลักฐาน จึงได้มีการเน้นย้ำมาก่อนหน้านี้ว่าห้ามเจ้าหน้าที่ตำรวจไปข้องเกี่ยวกับเรื่องของผลประโยชน์ ให้ดำเนินการไปตามขั้นตอนของกฏหมายให้ถูกต้อง และชัดเจน เช่นเดียวกันกับกรณีที่เกิดขึ้น ตำรวจไม่ได้ไปร่วมจับกุมหรือล่อซื้อ แต่ก็ต้องทำคดีให้ตามที่มีการร้องทุกข์กล่าวโทษตามขั้นตอน จึงอยากให้ประชาชนได้เข้าใจการทำงานของตำรวจด้วยเช่นกัน









