
พ่อและพี่สาวของ นศ. เหยื่อรับน้องโหด เข้าแจ้งความหลัง ลูกถูกรุ่นพี่ มทร.ล้านนา บังคับให้แก้ผ้า-กลิ้งกลางทุ่ง ยันเอาเรื่องให้ถึงที่สุด ขณะที่ นศ.รุ่นน้อง เตรียมย้ายไปเรียนที่อื่น หลังถูกแบ่งแยกในห้องเรียน
วันที่ 7 ธ.ค. 61 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่ได้มีประชาชนร้องเรียนผ่านสื่อมวลชนว่า เมื่อวันที่ 28 พ.ย. ที่ผ่านมา ได้มีรุ่นพี่จากสถาบันการศึกษาแห่งหนึ่งได้มีการแหกกฎพานักศึกษาไปทำกิจกรรมรับน้องนอกสถานที่กลางทุ่งนา ช่วงกลางคืน โดยบังคับให้แก้ผ้า นอนกลิ้ง และใช้น้ำเกลือราด จนเป็นเหตุทำให้นักศึกษาได้รับบาดเจ็บ มีบาดแผลเต็มตัว และโรคประจำตัวกำเริบ นอกจากนี้รุ่นพี่ยังได้มีการส่งข้อความมาข่มขู่ จนเป็นเหตุทำให้ทางญาติไม่พอใจ และได้มีการร้องเรียนไปยังทางสถาบัน รวมถึงยังได้มีการแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน
ล่าสุด วันนี้ (7 ธ.ค.) เมื่อเวลา 09.30 น. ทางด้านนักศึกษา ปวส. ชั้นปีที่ 1 มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา ซึ่งเป็นผู้เสียหาย พร้อมด้วยพี่สาวและบิดา ได้เดินทางมายัง สภ.แม่ริม เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับกลุ่มรุ่นพี่นักศึกษาที่ได้จัดกิจกรรมรับน้องดังกล่าว โดยมี ร.ต.อ.กิตติพงษ์ กองแก้ว พนักงานสอบสวน สภ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ เป็นผู้รับแจ้งความดำเนินคดีดังกล่าว

ด้าน นายกฤษธำรง วัฒนพานิช บิดาของนักศึกษาผู้เสียหายได้เปิดเผยว่า ที่จริงทางครอบครัวไม่ได้อยากดำเนินคดี ซึ่งที่ผ่านมายังไม่พบว่ารุ่นพี่ที่จัดกิจกรรมติดต่อมา และในวันนี้ทางเจ้าหน้าที่ได้มีการนัดกลุ่มรุ่นพี่ที่ก่อเหตุมาเพื่อทำการพูดคุยกัน แต่กลับไม่มีผู้ใดมา ตนจึงต้องการที่จะรักษาสิทธิ์ และจะได้มีการแจ้งความดำเนินคดีกับรุ่นพี่ดังกล่าว สำหรับในส่วนของเรื่องการเรียนนั้น พบว่าหลังจากเกิดเหตุทางลูกชายของตนได้ไปเข้าเรียนแต่พบว่าได้มีการแบ่งแยกกลุ่มอย่างชัดเจน จนทำให้ลูกของตนเกิดความกดดัน ซึ่งในเบื่องต้นทางครอบครัวเห็นว่าน่าจะพักการเรียนของน้องไปก่อน และในปีหน้าจึงจะหาที่เรียนใหม่ ทั้งนี้ตนมีความเห็นว่า สำหรับการจัดกิจกรรมรับน้องใหม่นั้นทำได้ แต่ควรทำในขอบเขตที่พอดี และมีรูปแบบที่ดี อย่างเช่นการพากันมาติวพิเศษหรือช่วยกันในเรื่องการเรียน ไม่ใช่การพามาทำโทษจนได้รับบาดเจ็บแบบนี้
นอกจากนี้ นายกฤษธำรง ผู้เป็นพ่อยังยอมรับว่า ก่อนหน้านี้ที่ตัดสินใจให้ลูกชายมาเรียนที่สถาบันแห่งนี้ก็ด้วยความเชื่อมั่นในเรื่องของการเรียนการสอนและการผลิตบุคลากรคุณภาพ เพราะเพื่อนฝูงที่จบจากสถาบันแห่งนี้ก็มีความรู้ความสามารถและหน้าที่การงานดีกันทุกคน เพราะลูกเรียนจบระดับชั้น ปวช. จึงให้มุ่งมั่นเพื่อสอบให้ติดและมาเรียนที่นี่จนสำเร็จ แต่ก็รู้สึกเสียความรู้สึกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จากกรณีรับน้องของรุ่นพี่ แม้ว่าทางมหาวิทยาลัยไม่ได้รับรู้กับการจัดกิจกรรมดังกล่าว ซึ่งจัดกันเองระหว่างรุ่นพี่รุ่นน้องภายนอกสถาบัน

ด้านนักศึกษา ปวส. ชั้นปีที่ 1 มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา ซึ่งเป็นผู้เสียหาย เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้กลับไปเรียนตามปกติ อย่างไรก็ตามพบว่าเพื่อนร่วมรุ่นมีการแสดงปฏิกิริยาให้เห็นอย่างชัดเจน โดยในช่วงเข้าชั้นเรียนตัวเองต้องนั่งเรียนเพียงลำพังคนเดียว ขณะที่เพื่อนๆ คนอื่นไปรวมกลุ่มกันหมด ซึ่งตามความตั้งใจของตัวเอง ตัดสินใจแน่นอนแล้วว่า น่าจะย้ายไปเรียนที่อื่น แต่จะยังมาเล่าเรียนตามปกติไปก่อน เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการโอนย้าย หน่วยกิตไปเรียนที่อื่น ทั้งนี้ตั้งแต่เกิดเรื่อง ทางรุ่นพี่ที่ก่อเหตุยังไม่เคยติดต่อมาพูดคุยแสดงความเสียใจหรือขอโทษใดๆ เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเลย ซึ่งจากการปรึกษากับทางครอบครัวแล้ว ได้ตัดสินใจร่วมกันว่าจะเข้าแจ้งความดำเนินคดี กับรุ่นพี่ที่ก่อเหตุ จนถึงที่สุด เพื่อรักษาสิทธิ์และเรียกร้องความถูกต้อง เพราะจากการพูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับเพื่อนรุ่นเดียวกันที่เรียนในสถาบันอื่นๆ พบว่าไม่มีที่ใดที่มีการรับน้องเกินเลยขอบเขต และรุนแรงเหมือนที่ตัวเองถูกกระทำ
ด้านเจ้าหน้าที่กระทรวงยุติธรรม ได้เข้ามาแจ้งสิทธิ์ต่อผู้เสียหาย เพื่อให้การช่วยเหลือในเบื้องต้น ตามพระราชบัญญัติค่าตอบแทนผู้เสียหาย และค่าทดแทน และค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา พ.ศ. 2544 ในการ พิจารณาจ่ายค่าทดแทนให้กับผู้เสียหาย ในการรักษาพยาบาล รวมทั้งค่าฟื้นฟูสมรรถภาพทางร่างกายและจิตใจ โดยผู้เสียหายสามารถแจ้งความ และนำเอกสารมา ขอใช้สิทธิ์ได้ โดยทางกระทรวงยุติธรรมสามารถให้การช่วยเหลือค่ารักษาพยาบาลได้ตั้งแต่ 5,000-40,000 บาท
ข่าวที่เกี่ยวข้อง









