
แพทย์แนะประชาชนใช้ “ห้องสะอาด” หนีฝุ่นพิษ เผยทุก รพ.พร้อมรองรับผู้ป่วยจากหมอกควัน ขณะที่ไฟป่าเดือนเดียวทำป่าเสียหายกว่า 2 แสนไร่
วันที่ 1 มี.ค. 62 สถานการณ์หมอกควันที่จังหวัดเชียงใหม่วิกฤตต่อเนื่อง ท้องฟ้าเหนือเมืองเชียงใหม่ยังเต็มไปด้วยฝุ่น PM 2.5 โดยเมื่อเวลา 11.00 น. ที่สถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศภายในศูนย์ราชการจังหวัดเชียงใหม่ อยู่ที่ค่าฝุ่นอยูที่ 62 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ส่วนที่สถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศภายในโรงเรียนยุพราชวิทยาลัย ต.ศรีภูมิ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ วัดได้ 61 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร เกินค่ามาตรฐานต่อเนื่องกันเป็นวันที่ 3 ของสัปดาห์
ปริมาณฝุ่นพิษที่เกินมาตรฐานสะสมมาหลายวัน ทำให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ จับตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด พร้อมกับให้ทุกโรงพยาบาลเตรียมพร้อมรองรับผู้ป่วย ที่ได้รับผลกระทบจากการสูดดมฝุ่นพิษสะสม โดยเฉพาะกลุ่มที่มีอาการเฉียบพลัน ทั้งโรคระบบทางเดินหายใจและผิวหนัง
ขณะเดียวกันยังแจ้งเตือนประชาชนให้งดกิจกรรมกลางแจ้งที่ไม่จำเป็น หากค่าฝุ่น PM 2.5 เกิน 50 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และงดออกจากบ้านหากค่าฝุ่น PM 2.5 เกิน 80 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร

นอกจากนี้ยังจัดเตรียม “ห้องสะอาด” ไว้ตามโรงพยาบาลต่าง ๆ และพื้นที่ห้องประชุมขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เป็นห้องติดเครื่องปรับอากาศและเครื่องกรองอากาศ เพื่อรองรับประชาชนกลุ่มเสี่ยง ทั้งเด็ก ผู้สูงอายุ หญิงตั้งครรภ์ และผู้ทีมีโรคประจำตัว ในกรณีที่มลพิษทางอากาศวิกฤตหนักค่าฝุ่น PM 2.5 เกิน 300 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
อย่างไรก็ตามแนะนำให้ประชาชนเตรียมห้องสะอาดไว้ที่บ้านพักที่อยู่อาศัย เพื่อใช้ในกรณีที่ค่าหมอกควันสูง และสะสมหลายวัน เพื่อป้องกันผลกระทบต่อสุขภาพ
ขณะที่ในวันนี้ พล.ท.สุภโชค ธวัชพีระชัย แม่ทัพน้อยที่ 3 ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันระดับภาค ส่วนหน้า เชิญผู้ว่าราชการ 9 จังหวัดภาคเหนือ ร่วมประชุมที่ค่ายกาวิละ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ เพื่อติดตามและปรับแผนรองรับสถานการณ์ไฟป่าที่จะเกิดขึ้นในช่วงเดือน มี.ค. และ เม.ย. นี้ ซึ่งถือได้ว่าเป็นช่วงวิกฤตของพื้นที่
ทั้งนี้ตัวเลขจุดความร้อนจากการเผาป่า หรือ ฮอตสปอต ในช่วง 1 ม.ค. – 28 ก.พ. 62 พบจุดความร้อนสะสมจำนวน 2,263 จุด เพิ่มขึ้นจากปี 61 จำนวน 1,080 จุด โดยพบในพื้นที่ป่าสงวน 1,115 จุด พื้นที่ป่าอนุรักษ์ 895 จุด และเขต สปก.114 จุด และ พื้นที่ทางการเกษตร 63 จุด เฉพาะเดือนมกราคมที่ผ่านมาพบพื้นที่ป่าเสียหายไปแล้วกว่า 2 แสนไร่










