
ประเด็นคือ- จ.ร้อยเอ็ด บูรณาการเดินหน้าแก้ปัญหาทุกด้าน เร่งสูบน้ำออกจากพื้นที่น้ำท่วมขังบ้านเรือนประชาชนบ้านดินแดงและเตรียมฟื้นฟูบูรณะทุกด้านให้คืนสภาพเดิม ก่อนที่จะเยียวยาความเสียหายด้านการเกษตรและฟื้นฟูรายได้ภาคการเกษตรที่เหมาะสม โดยยืนอยู่บนความต้องการของผู้ประสบภัยเป็นหลัก รอง ผวจ.เผยแผนการบริหารจัดการน้ำทั้งระบบน่าจะดีขึ้น เนื่องจากได้รับการจัดสรรงบประมาณ 900 ล้านจากรัฐบาล เข้ามาแก้ปัญหาพื้นที่อย่างเป็นระบบแล้ว
หลังจากที่ จ.ร้อยเอ็ด ได้รับผลกระทบจากพายุโซนร้อน “เซินกา” และการระบายน้ำของเขื่อนอุบลรัตน์ทำให้เกิดน้ำท่วมบ้านเรือนราษฎรและพื้นที่การเกษตรใน จ.ร้อยเอ็ด ปัจจุบันสถานการณ์อุทกภัยมีแนวโน้มคลี่คลายโดยลำดับ เขื่อนอุบลรัตน์ได้ปรับลดการระบายลงเหลือ 15 ล้าน ลบ.ม./วัน ส่งผลให้น้ำในพื้นที่ จ.ร้อยเอ็ด ลดระดับลดลงอย่างต่อเนื่อง แต่หลายพื้นที่ยังคงถูกน้ำแช่ขัง ทั้งบ้านเรือนและพื้นที่การเกษตรได้รับความเสียหาย

เช่นกรณีที่บ้านดินแดง ต.ดงสิงห์ อ.จังหาร 148 ครัวเรือน ที่ถูกน้ำท่วมขังหมู่บ้านเป็นเวลานาน จนชาวบ้านส่วนหนึ่งกว่า 20 หลังคาเรือน ต้องอพยพออกมาอาศัยในเพิงพักบนคันพนังกั้นน้ำกลางหมู่บ้าน กว่า 4 เดือน เนื่องจากระดับน้ำยังคงท่วมขัง ไม่สามารถกลับเข้าไปอาศัยในบ้านเรือนของตนเองได้
และล่าสุดสถานการณ์น้ำที่ท่วมในหมู่บ้านเริ่มคลี่คลายแล้ว ชาวบ้านเริ่มระดมกันทำความสะอาดบ้านเรือน และปัดกวาดถนนหน้าบ้านของตนเอง เพื่อเตรียมกลับเข้าไปอาศัยอยู่ในบ้านเรือนตามปกติ

นายวันชัย คงเกษม ผวจ.ร้อยเอ็ด สั่งการให้ นายเลิศบุศย์ กรองทอง รอง ผวจ.ร้อยเอ็ด เป็นประธานในการ Kick off เปิดเดินเครื่องสูบน้ำและตรวจเยี่ยมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่และประชาชนในพื้นที่ ร่วมกับสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.ร้อยเอ็ด บูรณาการเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่ 5 เครื่อง กับ อบจ.ร้อยเอ็ด เข้าไปติดตั้งเพื่อเริ่มสูบน้ำพร้อมกัน 5 เครื่อง ซึ่งจะสูบน้ำออกได้ราว 25,000 ลิตร/ชม. ซึ่งคาดหมายว่าจะสามารถสูบน้ำที่ท่วมขังสูง 1-1.50 เมตร ในพื้นที่หมู่บ้านลงได้ภายใน 3-5 วัน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของชาวบ้านต่อไลำน้ำชีป

โดย รอง ผวจ.ร้อยเอ็ดกล่าวว่า หลังจากระบายน้ำออกจากหมู่บ้านแล้ว ก็จะมีการเข้ามาฟื้นฟูสภาพหมู่บ้าน ร่วมกับหน่วยทหาร มณฑลทหารบกที่ 27, องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้ามาฟื้นฟูสภาพความเป็นอยู่ บ้านเรือนและสภาพจิตใจของชาวบ้าน หลังการเร่งการระบายน้ำที่ท่วมขังในพื้นที่บ้านเรือนราษฎรในพื้นที่แล้ว พร้อมกับจะมีการทำแผนแก้ปัญหาชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากพื้นที่การเกษตรที่เสียหาย เพื่อให้ได้รับการฟื้นฟู สร้างอาชีพที่สร้างรายได้ชดเชยที่เหมาะสม ตรงกับความต้องการของชาวบ้านที่ประสบภัยต่อไป

การแก้ปัญหาเริ่มที่จุดแรกที่เดือดร้อนที่สุด คือที่บ้านดินแดง จากนั้นก็จะบูรณาการ แก้ปัญหาทุกพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบตลอดลำน้ำชี ระยะทางยาวตามแนวพนังทั้งหมด จากนั้นทุกภาคส่วนจะดำเนินการในแผน 2 ในการระบานน้ำออกจากท่วมขังหมู่บ้าน โดยไม่ส่งผลกระทบพื้นที่อื่น ซึ่งจะดำเนินการติดตั้งเครื่องสูบน้ำบรรเทาความเดือดร้อนจากน้ำท่วมขัง ทั้งตลอดแนวลำน้ำ โดยแบ่งความรับผิดชอบร่วมกัน แบ่งพื้นที่ 2 ช่วงให้ อบจ.ร้อยเอ็ด รับผิดชอบทางตอนบน จาก อ.จังหาร ลงไปถึง อ.ธวัชบุรี และให้กรมชลประทานรับผิดชอบจาก อ.ธวัชบุรี ลงไปถึง อ.ทุ่งเขาหลวง และ อ.เสลภูมิ ในการติดตั้งเครื่องสูบน้ำ และให้ อบจ.ร้อยเอ็ด สนับสนุนงบประมาณด้านน้ำมันเชื้อเพลิงเพื่อแก้ปัญหาให้เสร็จสิ้นในช่วงเวลาไม่เกิน 30 วัน เชื่อว่าสถานการณ์จะคลี่คลายทั้งจังหวัด ก่อนที่จะดำเนินการด้านการสำรวจ การฟื้นฟู ความเสียหายด้านพื้นที่การเกษตร เพื่อชดเชยและฟื้นฟูด้านการสร้างอาชีพและการเกษตร เสริมรายได้ ตามความต้องการของชาวบ้านต่อไป

ส่วนการแก้ปัญหาถาวร ด้านการป้องกันผลกระทบต่อน้ำท่วมขังระยะยาว ก็จะให้ชลประทานพัฒนาความแข็งแรงของแนวพนังและเพิ่มประตูระบายน้ำ พัฒนาให้เป็นการระบายน้ำแบบเข้าและออกได้ รวมทั้งมีการกำหนดแผนกักน้ำไว้ใช้ ด้วยการพัฒนาสร้างพื้นที่แก้มลิง เพื่อกักน้ำไว้ใช้ในฤดูแล้ง ซึ่งจังหวัดกำหนดให้มีแผน 3 ขั้นตอนในการแก้ปัญหาทั้งจังหวัดที่ทำต่อเนื่องบริหารจัดการน้ำร่วมกัน ซึ่ง จ.ร้อยเอ็ด ได้รับการจัดสรรงบประมาณกว่า 900 ล้านบาทจากรัฐบาล เพื่อดำเนินการแก้ไขปัญหาต่อไป









