
ประเด็นคือ – ป่าไม้ร่วมกับฝ่ายปกครองเข้ารังวัดพื้นที่ร้านกาแฟจังเกิ้ล เดอ คาเฟ่ พบบุกรุกที่ป่าจริง และยังสร้างคร่อมลำน้ำ กินพื้นที่กว่า 20 ตารางวา สั่งติดป้ายห้ามเข้า เตรียมรื้อถอน และดำเนินคดีกับเจ้าของ
จากกรณีที่ก่อนหน้านี้ โลกโซเชียลได้โพสต์คลิปภาพร้านกาแฟ จังเกิ้ล เดอ คาเฟ่ (Jungle De Cafe) ซึ่งสร้างติดกับน้ำตกธรรมชาติใน ต.โป่งแยง อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า อาจมีการบุกรุกพื้นที่ป่าสาธารณะ และเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบนั้น

ล่าสุดช่วงสายวันนี้ (9 ม.ค. 61) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายชัยแสง พัฒนศักดิ์ภิญโญ นายอำเภอแม่ริม พร้อมด้วย นายปิยะพงษ์ ประพันธ์วัฒนะ ผู้อำนวยการส่วนทรัพยากรธรรมชาติ สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดเชียงใหม่ นำเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ทั้งป่าไม้ ที่ดิน ตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครอง เข้าตรวจสอบพื้นที่
โดยพบว่าทางร้านกำลังรื้อถอนศาลาที่ถูกระบุว่ารุกล้ำพื้นที่ป่า ขณะที่เจ้าหน้าที่ที่ดินได้ตรวจสอบแนวเขตตามเอกสารสิทธิ์ นส.3 ก. ที่ผู้ประกอบการถืออยู่ แต่ตรวจสอบเบื้องต้นไม่พบหลักหมุด แต่จากแนวเขตในเอกสารสิทธิ์แสดงให้เห็นว่า บริเวณศาลาที่กำลังมีการรื้อถอน อยู่นอกแนวลำน้ำธรรมชาติที่เป็นเส้นแบ่งเขตตามเอกสารสิทธิ์ และอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่ริม

นางสาว อารัญญา ทะรินทร์ ผู้บริหารร้านกาแฟ Jungle De Cafe ชี้แจงว่า พื้นที่ทั้งหมดมีเอกสารสิทธิ์เป็น นส.3 ก. รวม 11 ไร่ ก่อนหน้านี้เปิดเป็นแหล่งท่องเที่ยวจังเกิลโคสเตอร์ และร้านกาแฟ Jungle De Cafe ในพื้นที่เดียวกัน แต่ในส่วนของร้านกาแฟได้สร้างศาลาเพิ่ม เพื่อรองรับให้บริการลูกค้า โดยเริ่มเปิดให้บริการมาแล้ว 3 สัปดาห์
ส่วนที่เลือกสร้างศาลาบริเวณน้ำตกก็เพราะเห็นว่าเป็นวิวสวย และต้องการให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสธรรมชาติ โดยเข้าใจว่าอยู่ในพื้นที่ตาม นส. 3 ก. ที่ถืออยู่ ขณะที่ศาลาที่สร้างขึ้นก็ไม่ได้เป็นสิ่งปลูกสร้างถาวร แต่เป็นลักษณะน็อกดาวน์ที่ถอดประกอบได้
เช่นเดียวกับสะพานแขวน ไม่มีการบุกรุกหรือทำลายทรัพยากรป่าไม้แต่อย่างใด แต่หลังจากที่ตกเป็นข่าวและมีเจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบก่อนหน้านี้ ทางร้านก็ไม่ฝ่าฝืน และได้ทำการรื้อถอนศาลาหลังนี้ออก เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ

ขณะที่นายอำเภอแม่ริม บอกว่า ตอนนี้ยังสรุปไม่ได้ว่ามีการรุกล้ำพื้นที่ป่าสงวนหรือไม่ ต้องให้ที่ดินตรวจสอบให้ชัดเจน ส่วนหลักหมุดที่หาไม่เจอก็เป็นหน้าที่ของที่ดินที่จะต้องหาทางพิสูจน์ให้ได้ตามกระบวนการ
ส่วนศาลาที่เป็นสิ่งปลูกสร้างติดกับน้ำตก หากไม่ขัดกฎหมายก็ควรส่งเสริม เพราะเป็นเรื่องของการท่องเที่ยว แต่หากเข้าข่ายทำลายทรัพยากรธรรมชาติก็ต้องปรับปรุงแก้ไข การตรวจสอบครั้งนี้จะต้องให้ความเป็นธรรรมแก่ผู้ประกอบการด้วย หากพิสูจน์ได้ว่าถือครองถูกต้องก็ต้องว่าไปตามกฎหมาย
นายปิยะพงษ์ ประพันธ์วัฒนะ ผู้อำนวยการส่วนทรัพยากรธรรมชาติ สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า การเข้าตรวจสอบเป็นไปตามคำสั่งของ นายปวิณ ชำนิประศาสน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่

หากมีหลักฐานยืนยันว่ามีการรุกล้ำพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ แม้จะมีการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างไปแล้ว แต่ในทางกฎหมายก็ต้องดำเนินคดี ไม่ใช่ตรวจพบแล้วรื้อก็จบ แต่จะดำเนินคดีในข้อหาหรือฐานความผิดใด จะต้องไปดูกฎหมายก่อนว่า มีการทำลายทรัพยากรธรรมชาติให้เสียหายด้วยหรือไม่
หลังจากเข้าตรวจสอบ มีรายงานว่า ในช่วงบ่ายวันเดียวกัน ฝ่ายปกครองอำเภอแม่ริม ร่วมกับป่าไม้และทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัด รวบรวมหลักฐานเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ประกอบการในข้อหาบุกรุก ยึดถือ ครอบครองพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่ริม กินพื้นที่ 20 ตารางวา แล้ว









