
“สมชัย ศรีสุทธิยากร” โพสต์ยกข้อมูลสื่อเปิดผังโต๊ะจีน งานระดมทุนพรรคพลังประชารัฐ ถ้า “หน่วยงานรัฐ” ซื้อจริงมีปัญหา กาง พรป.พรรคการเมืองไล่มาตรา จี้ กกต. ต้องตรวจสอบแม้ไม่มีผู้ร้อง
เป็นประเด็นต่อเนื่องหลังจากพรรคพลังประชารัฐ จัดงานเลี้ยงระดมทุนเลือกตั้ง ด้วยการจัดโต๊ะจีน 200 โต๊ะ ในราคาขั้นต่ำ 3,000,000 บาท ที่ศูนย์ประชุมอิมแพ็ค ฟอรั่ม เมืองทองธานี เมื่อค่ำวันที่ 19 ธ.ค. โดยมีรายงานตามมาว่า สามารถระดมเงินจากงานดังกล่าวได้เกินเป้าหมาย คือทั้งหมด 650 ล้านบาท
วันที่ 20 ธ.ค. นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกรรมการการเลือกตั้ง (อดีต กกต.) ปัจจุบันเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ในเฟซบุ๊กว่า “งานอาจเข้าที่พลังประชารัฐ โต๊ะจีน 200 โต๊ะ น่าจะมีปัญหา เมื่อสำนักข่าวอิศรา ได้รายงานผังการจัดโต๊ะจีนเมื่อคืนว่า มี เป็นของกระทรวงการคลัง 20 โต๊ะเป็นเงิน 60 ล้านบาท ของ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย 3 โต๊ะ เป็นเงิน 9 ล้านบาท จึงเป็นคำถาม ว่า 1)ผู้เป็นรัฐมนตรีได้ใช้ตำแหน่งหน้าที่การงาน เพื่อให้หน่วยงานราชการรัฐวิสาหกิจ สนับสนุน ค่าโต๊ะจีนเมื่อคืนหรือไม่
และ 2) หน่วยงานราชการ และรัฐวิสาหกิจ ได้ใช้เงินงบประมาณของรัฐ หรือ ไปขอการสนับสนุนหน่วยงานเอกชน เพื่อให้มาสนับสนุน งานเมื่อคืนดังกล่าวหรือไม่ เมื่อความปรากฏดังกล่าว จึงเป็นหน้าที่ของกกต. ในการแสวงหาข้อเท็จจริงโดยไม่จำเป็นจะต้องมีผู้ร้อง มิเช่นนั้น กกต. เอง อาจถูกกล่าวหาว่า ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ได้”
https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=10218039920014269&id=1374514777
ขณะที่วันนี้ ( 21 ธ.ค. ) นายสมชัย ได้โพสต์ข้อความเพิ่มเติมว่า “สมมตินะครับสมมติ
หนึ่ง สมมติว่า การจัดโต๊ะจีน ไม่สามารถแจ้งรายละเอียดที่ไปที่มาของเงินซื้อโต๊ะได้ ให้ดูมาตรา 64 และ 123
สอง สมมติว่า มี รมต. หรือ ข้าราชการเมืองคนใด โทรไปขอให้ บ.เอกชน ช่วยซื้อโต๊ะ ให้ดูมาตรา 73 และ 127
สาม สมมติว่า มีส่วนราชการหรือรัฐวิสาหกิจ ไปขอให้ บ.เอกชน ซื้อซื้อโต๊ะ ให้ดูมาตรา มาตรา 76 และ 128
สี่ สมมติว่า กกต.รู้เรื่องนี้ ไม่ดำเนินการใด ให้ดู มาตรา 157 ป.วิ.อาญา
มาตรา64 การหารายได้จากการจัดกิจกรรมระดมทุนของพรรคการเมืองต้องกระทําโดยเปิดเผย และแสดงวัตถุประสงค์ว่า เป็นการระดมทุนของพรรคการเมืองอย่างชัดเจน ให้หัวหน้าพรรคการเมืองประกาศให้ประชาชนทราบเป็นการทั่วไป ถึงจํานวนและที่มาของเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดที่ได้มาจากกิจกรรมดังกล่าว และให้มีหนังสือแจ้งนายทะเบียนทราบด้วย ทั้งนี้ ภายในสามสิบวัน นับแต่วันที่กิจกรรมดังกล่าวสิ้นสุดลง ประกาศและหนังสือแจ้งตามวรรคสอง ให้ระบุชื่อบุคคลผู้สนับสนุนเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดที่มีมูลค่าหนึ่งแสนบาทขึ้นไปด้วย มาตรา 123 พรรคการเมืองใดไม่ปฏิบัติตามมาตรา 64 วรรคหนึ่ง ต้องระวางโทษปรับ ไม่เกินหนึ่งแสนบาท
มาตรา 73 ห้ามมิให้ข้าราชการการเมืองใช้สถานะหรือตําแหน่งหน้าที่เรี่ยไรหรือชักชวน ให้มีการบริจาคให้พรรคการเมืองหรือผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แต่ไม่รวมถึงการที่ ข้าราชการการเมืองผู้นั้นเข้าร่วมกิจกรรมตามมาตรา 64 โดยมิได้กระทําหรือมีส่วนกระทําการ อันเป็นการต้องห้ามนั้น มาตรา 127 ผู้ใดฝ่าฝืน มาตรา 73 ต้องระวางโทษจําคุกตั้งแต่สองปีถึงสิบปี หรือ ปรับตั้งแต่ สี่หมื่นบาทถึงสองแสนบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้นมีกําหนดห้าปี
มาตรา 76 ห้ามมิให้หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ หน่วยงานอื่นใดของรัฐหรือกิจการที่รัฐ ถือหุ้นใหญ่ บริจาคเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดให้แก่พรรคการเมืองหรือเข้าร่วมกิจกรรม มาตรา 128 สมาชิกผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 74 หรือผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 75 หรือมาตรา 76 ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินสิบปี หรือปรับไม่เกินสองแสนบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ ที่มา : พรป.พรรคการเมือง 2560”
ที่มา FB : สมชัย ศรีสุทธิยากร
ข่าวที่เกี่ยวข้อง









