
กรมสรรพากร เชื่อ การจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากผู้ให้บริการอิเล็กทรอนิกส์ และแพลตฟอร์มดิจิทัลต่างประเทศ ไม่เกี่ยวกับการเก็บภาษีผู้ค้าออนไลน์ และอาจไม่กระทบผู้บริโภค พร้อมประเมินช่วยเพิ่มการจัดเก็บรายได้เข้ารัฐ ไม่น้อยกว่า 3 พันล้านบาท
ความเหลื่อมล้ำจากการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มสินค้าและบริการ ทำให้คณะรัฐมนตรีเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร กำหนดให้มีการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม จากผู้ประกอบการธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ หรือ E-Business ในต่างประเทศ
โดยกำหนดให้ผู้ให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์ และดิจิทัลแพลตฟอร์มในต่างประเทศ ที่มีรายได้จากการให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์ในประเทศไทยเกินกว่า 1.8 ล้านบาทต่อปี ต้องยื่นคำขอจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม หรือ VAT ยื่นแบบแสดงรายการภาษี โดยนำส่งภาษีผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ คาดว่าจะช่วยเพิ่มการจัดเก็บรายได้ไม่น้อยกว่าปีละ 3 พันล้านบาท

ที่ปรึกษาด้านยุทธศาสตร์การจัดเก็บภาษี และโฆษกกรมสรรพากร กล่าวว่า ร่างกฎหมายดังกล่าวส่งผลให้ผู้ประกอบการและผู้ให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์ในต่างประเทศไม่น้อยกว่า 80 ราย มีภาระชำระค่าภาษีจากค่าบริการโฆษณา ดาวโหลดเกมส์ ดาวโหลดสติ๊กเกอร์ สมัครสมาชิกดูหนังออนไลน์ รวมทั้งการจองโรงแรม ซึ่งไม่เกี่ยวกับผู้ค้ารายย่อยออนไลน์บนโซเชียลมีเดีย
และเชื่อว่าผู้ประกอบการจะไม่ผลักภาระไปถึงผู้บริโภค แต่จะปรับกลยุทธ์การตลาดรองรับการบังคับใช้ดังกล่าว พร้อมวางมาตรการตรวจสอบการชำระภาษีอย่างรัดกุม คาดว่าร่างกฎหมาย จะสามารถบังคับใช้ภายในปีนี้

นางแพตริเซีย มงคลวนิช ที่ปรึกษาด้านยุทธศาสตร์การจัดเก็บภาษี และโฆษกกรมสรรพากร
โฆษกกรมสรรพากร กล่าวอีกว่า กรมสรรพากรอยู่ระหว่างศึกษาความเป็นไปได้ในการจัดเก็บภาษีเงินได้ผู้ให้บริการอิเล็กทรอนิกส์ และดิจิทัลแพลตฟอร์มในต่างประเทศ เพราะมีความซับซ้อนกว่าการเสียภาษี VAT
เช่นเดียวกับการยกเลิกมาตรการยกเว้นภาษีนำเข้าและภาษี VAT สินค้านำเข้า ที่ส่งผ่านไปรษณีย์ มูลค่าไม่เกิน 1,500 บาท ซึ่งอยู่ระหว่างการศึกษาและหาวิธีดำเนินการ โดยไม่กระทบนิเวศทางการค้า และการให้บริการไปรษณีย์ปัจจุบัน
อ่านข่าวอื่นได้ที่
เว็บไซต์: workpointnews.com
เฟซบุ๊ก: ข่าวเวิร์คพอยท์ ตลาดข่าว
ยูทูบ: workpoint news
ทวิตเตอร์: workpoint news
อินสตาแกรม: workpointnews









