สั่งแจงข้อเท็จจริง ช่วยแรงงานไทยฆ่าตัวตาย หนีนายจ้างเกาหลีโหด

ประเด็นคือ – แรงงานไทยหนีทัวร์ท่องเที่ยว แอบหางานทำที่เกาหลีใต้ นายจ้างรู้ผิดกฎหมายจึงกดขี่ เมื่อเงินหมด แรงงานจึงหนีปัญหาด้วยการผูกคอตาย ด้าน ก.แรงงาน เร่งช่วยเหลือ

วันที่ 14 ก.พ. 61 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่มีคนไทยเดินทางไปประเทศเกาหลีใต้กับกรุ๊ปทัวร์แล้วหลบหนีไปหางานทำ แต่ถูกเอารัดเอาเปรียบจากนายจ้าง เพราะรู้ว่าเป็นแรงงานที่เข้าเมืองมาแบบผิดกฎหมาย ต้องอยู่อย่างหลบๆ ซ่อนๆ อดมื้อกินมื้อ กระทั่งเงินหมดและผูกคอตายในเวลาต่อมานั้น

พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน มีความห่วงใย และสั่งเจ้าหน้าที่แรงงานชี้แจงข้อเท็จจริงตามกฎหมาย พร้อมร่วมมือกับตำรวจดำเนินคดีกับผู้ที่หลอกลวงแรงงานไปทำงานต่างประเทศ จนต้องจบชีวิตลงในที่สุด โดยกรมการจัดหางานจัดตั้งชุดเฝ้าระวัง ใช้สายตรวจออนไลน์คอยตรวจสอบพฤติการณ์ขบวนการค้ามนุษย์และกลุ่มมิจฉาชีพอย่างเข้มงวดตลอด 24 ชั่วโมง

ด้าน นายอนุรักษ์ ทศรัตน์ อธิบดีกรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานห่วงใยในปัญหาดังกล่าว โดยกำชับให้เจ้าหน้าที่กระทรวงแรงงานเข้าไปดูแลให้คำแนะนำ ชี้แจงข้อเท็จจริงตามกฎหมายให้กับญาติแรงงานที่เสียชีวิต และประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อช่วยเหลือต่อไป

พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน

ทั้งยังให้ร่วมมือกับตำรวจดำเนินการตามกฎหมายกับผู้ที่หลอกลวงแรงงาน และประชาสัมพันธ์กระตุ้นเตือนให้คนหางานรับรู้และเข้าใจว่า การลักลอบไปทำงานต่างประเทศ เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย และมีโทษหนัก

ทั้งนี้ กรมการจัดหางานได้รวบรวมผลการดำเนินคดี ผู้ที่หลอกลวงคนหางานผ่านทางสื่อโซเชียล พร้อมจัดตั้งชุดเฝ้าระวัง และตรวจสอบเว็บไซต์ที่มีพฤติกรรมในการโฆษณา ชักชวนคนหางานไปทำงานต่างประเทศ และใช้สายตรวจออนไลน์คอยตรวจสอบ เฝ้าระวังพฤติการณ์ของขบวนการค้ามนุษย์และกลุ่มมิจฉาชีพอย่างเข้มงวด

หากพบการกระทำผิดจะดำเนินคดี และโพสต์ข้อความเตือนชี้แจงข้อเท็จจริงและข้อมูลที่ถูกต้องเกี่ยวกับการไปทำงานต่างประเทศไปยัง Facebook ซึ่งในเดือนมกราคมที่ผ่านมา มีสถิติการโพสต์ตอบโต้จำนวน 733 เฟส

นายอนุรักษ์ กล่าวอีกว่า ผู้ที่หลอกลวงผู้อื่นว่าสามารถหางานหรือส่งไปฝึกงานในต่างประเทศได้ และโดยการหลอกลวงดังว่านั้น ได้ไปซึ่งเงินหรือทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดจากผู้ถูกหลอกลวง ต้องระวางโทษจําคุกตั้งแต่ 3-10 ปี หรือปรับตั้งแต่ 60,000 – 200,000 บาท หรือทั้งจําทั้งปรับ ตามพระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ. 2528 แก้ไขเพิ่มเติมโดย พระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางาน (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2537