
ประเด็นคือ- ป.ป.ท.และ สตง.ลงพื้นที่จ.เชียงใหม่ ลุยเก็บหลักฐานและพยานตรวจสอบกรณี การใช้จ่ายงบประมาณ ของกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ทั้งเงินอุดหนุนเฉพาะกิจ ของศูนย์พัฒนาราษฎรบนพื้นที่สูง เป็นเงินกว่า 66 ล้านบาท และศูนย์ประสานงานโครงการหมู่บ้านสหกรณ์ กว่า 23 ล้านบาท เบื้องต้นพบเบิกเงินแล้วแต่ไม่จ่ายให้ชาวบ้านจริง
วันที่ 22 มีนาคม 2561 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ในฐานะเลขานุการศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) ร่วมกับสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) โดยมีพล.ต.อ.จรัมพร สุระมณี กรรมการ ป.ป.ท. พร้อมด้วยพ.ต.ท.วันนพ สมจินตนากุล ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท. ร่วมนำทีมลงพื้นที่ตรวจสอบการใช้จ่ายเงินงบประมาณประเภทเงินอุดหนุนเฉพาะกิจของศูนย์พัฒนาราษฎรบนพื้นที่สูง จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นงบประมาณในปี 2560 จำนวน 66,909,000 บาท แบ่งพื้นที่รับผิดชอบออกเป็น 15 เขตดังนี้
- อ.ฝาง เบิกจ่าย 15 ครั้ง รวม 8,550,000 บาท
- อ.พร้าว เบิกจ่าย 12 ครั้ง รวม 9,403,000 บาท
- อ.เวียงแหง (1) เบิกจ่าย 4 ครั้ง รวม 1,104,000 บาท
- อ.เวียงแหง (2) เบิกจ่าย 8 ครั้ง รวม1,265,000
- อ.เชียงดาว เบิกจ่าย 14 ครั้ง รวม6,120,000 บาท
- อ.กัลยาณิวัฒนา เบิกจ่าย 11 ครั้ง รวม 2,894,000 บาท
- อ.แม่อาย เบิกจ่าย 14 ครั้ง รวม 5,190,000 บาท
- อ.แม่แตง เบิกจ่าย 15 ครั้ง รวม 5,075,000 บาท
- อ.แม่วาง เบิกจ่าย 14 ครั้ง รวม 3,771,000 บาท
- อ.จอมทอง เบิกจ่าย 16 ครั้ง รวม 11,250,000 บาท
- อ.แม่ริม เบิกจ่าย 13 ครั้ง รวม 2,877,000 บาท
- อ.ไชยปราการ เบิกจ่าย 10 ครั้ง รวม1,956,000 บาท
- อ.สะเมิง เบิกจ่าย 8 ครั้ง รวม 2,598,000 บาท
- อ.อมก๋อย เบิกจ่าย 9 ครั้ง รวม 2,253,000 บาท
- อ.แม่แจ่ม เบิกจ่าย 7 ครั้ง รวม 2,303,000 บาท

สำหรับการลงพื้นที่ของ ป.ปท.ในครั้งนี้ ได้สอบถามชาวบ้าน หมู่ 1 ต.กึ๊ดช้าง อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ ปรากฏรายชื่อผู้รับเงินสงเคราะห์จำนวน 36 ราย เป็นบุคคลกลุ่มชาติพันธุ์จำนวน 31 ราย สัญชาติไทย 5 ราย จากการสอบถามชาวบ้านสัญชาติไทยทั้ง 5 ราย ให้ข้อมูลว่าไม่เคยได้รับเงินสงเคราะห์ตามที่ปรากฏในเอกสารใบสำคัญรับเงินแบบ 5 (จำนวน 2,000 บาท) แต่อย่างใด และสอบถามบุคคลกลุ่มชาติพันธุ์ จำนวน 15 ราย ให้ข้อมูลว่าไม่ได้รับเงินสงเคราะห์ดังกล่าวข้างต้นเช่นกัน
หลังจากนั้นได้ลงพื้นที่สอบถามข้อมูลชาวบ้านหมู่ที่ 8 จำนวน 36 ราย ซึ่งรายหนึ่งนั้นมีชื่อกำนันตำบลกึ๊ดช้าง เป็นผู้ได้รับเงินสงเคราะห์ด้วยจึงได้ไปสอบถามข้อมูลกำนันได้ยืนยันว่าตนเองและลูกบ้านไม่เคยได้รับเงินสงเคราะห์ดังกล่าวเลย
จากนั้นชุดปฏิบัติการจาก ป.ป.ท. ร่วมกับ ป.ป.ท. เขต 5 ได้สอบถ้อยคำหัวหน้าเขตอำเภอแม่ริม, แม่แตง, และเชียงดาว จำนวน 3 เขต ที่ปรากฏรายมือชื่อปรากฏว่าเป็นผู้รับมอบเงินอุดหนุนมาจากศูนย์พัฒนาราษฎรบนพื้นที่สูงจังหวัดเชียงใหม่ โดยหัวหน้าเขตอ.แม่ริม รับเงินสดมาจำนวน 2,877,000 บาท, หัวหน้าเขตอ.แม่แตง รับเงินสดมาจำนวน 5,075,000 บาท, และหัวหน้าเขตอ.เชียงดาว รับเงินสดมาจำนวน 6,120,000 บาท เพื่อนำมามอบให้กับชาวบ้านในเขตรับผิดชอบ ซึ่งหัวหน้าเขตทั้ง 3 เขต ให้ถ้อยคำสอดคล้องตรงกันว่าไม่เคยได้รับเงินดังกล่าวแต่อย่างใด และจากการตรวจสอบเอกสารพบว่าในปีงบประมาณ 2560 เขตรับผิดชอบอำเภอจอมทองมีการเบิกจ่ายงบประมาณสูงสุดถึง 11.25 ล้านบาท
ขณะที่นายพิทักษ์ ทอศิริชูชัย ซึ่งเป็นชาวบ้านหนึ่งใน 15 คน ยืนยันว่า ไม่ได้รู้เห็นหรือรับเงินก้อนใหญ่จำนวน 1,101,000 บาท ตามเอกสารที่พบ ซึ่งเพิ่งมารู้วันนี้ว่ามีชื่อพร้อมลายเซ็นต์ในการรับเงินมากถึงขนาดนี้ก็รู้สึกตกใจ และยืนยันว่าเป็นการปลอมแปลงลายเซ็นต์ของตนเอง ซึ่งไม่เหมือนกับลายเซ็นต์ตัวจริง พร้อมกันนี้ก็ได้เซ็นต์ลายเซ็นต์ให้กับเจ้าหน้าที่เพื่อเปรียบเทียบ ซึ่งพบว่ามีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน จึงวอนให้ทางเจ้าหน้าที่ช่วยดำเนินการให้เกิดความโปร่งใส และพิสูจน์ว่าตนเองไม่ได้เข้าไปอยู่ในการขบวนการทุจริตนี้

นอกจากนี้ ได้เข้าตรวจสอบข้อมูลที่ศูนย์ประสานงานโครงการหมู่บ้านสหกรณ์สันกำแพง อำเภอแม่ออน ตามพระราชดำริ จ.เชียงใหม่ ได้รับอุดหนุนในปีงบประมาณ 2560 จำนวน 23,747,000 บาท พื้นที่รับผิดชอบตามอำนาจหน้าที่ 1 ตำบล คือตำบลบ้านสหกรณ์ อำเภอแม่ออน จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งตำบลดังกล่าวมีประชากรเพียง 3,321 คน แต่กลับได้เงินงบประมาณอุดหนุนกว่า 23 ล้านบาท
โดยชุดปฏิบัติการในครั้งนี้ ได้เริ่มตรวจสอบข้อมูลจากเอกสาร ประกอบการเบิกจ่ายเงินของศูนย์ประสานงานฯ พบว่า มีเอกสารการเบิกจ่ายเงินสงเคราะห์ให้แก่ชาวบ้านตำบลบ้านสหกรณ์จำนวน 667 คน ตำบลทาเหนือ 100 คน ตำบลแม่ทา 500 คน ตำบลห้วยแก้ว 300 คน และตำบลออนกลาง 100 คน รวมทั้งสิ้น 1,667 คน เป็นเงิน 5,001,000 บาท ซึ่งตรวจสอบแล้วมีจำนวนเงินตรงกับเอกสารประกอบการเบิกจ่ายฎีกาที่ 13 รายละเอียดตามใบสำคัญรับเงินระบุว่ามีการจ่ายเงินให้กับชาวบ้าน ในวันที่ 7-9 พฤศจิกายน 2559 จากการตรวจสอบเอกสารประกอบการเบิกจ่ายเงินนั้น พบความผิดปกติหลายประการ
ขณะที่การสอบถามข้อมูลบุคคลที่มีรายชื่อรับเงินสงเคราะห์ โดยกำหนดเป้าหมายที่ตำบลแม่ทา อำเภอแม่ออน ซึ่งมีประชากรจำนวน 4,558 คน เฉพาะส่วนตำบลแม่ทาหมู่ที่ 1-7 ปรากฏรายชื่อตามฎีกาเบิกจ่ายเงินที่ 13 มีรายชื่อผู้ได้รับเงินสงเคราะห์จำนวน 537 ราย เป็นเงิน 1,611,000 บาท
โดยเริ่มต้นสอบถามข้อมูลที่ หมู่ที่ 1 บ้านท่าม่อน ปรากฏรายชื่อกำนันตำบลแม่ทา เป็นผู้รับเงินสงเคราะห์ดังกล่าวด้วย ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ลงพื้นที่สอบถามข้อมูลกำนัน ซึ่งให้การยืนยันว่าลายมือชื่อที่ปรากฏในใบสำคัญรับเงิน (แบบ 5) ไม่ใช่ลายมือชื่อของตน และตนไม่เคยได้รับเงินจำนวน 3,000 บาท ตามที่ปรากฏตามเอกสาร อีกทั้งกำนันตำบลแม่ทายังตรวจสอบรายชื่อลูกบ้านทั้งหมดแล้วยังยืนยันว่าลูกบ้านบางรายมีภูมิลำเนาอยู่ต่างประเทศแต่กลับมีชื่อเป็นผู้รับเงินสงเคราะห์

หลังจากนั้นจึงได้มีการขยายผลไปตรวจสอบข้อมูลที่หมู่ 5 ซึ่งเป็นที่ตั้งอบต.แม่ทา อ.แม่ออน จ.เชียงใหม่ ซึ่งในการนี้ นายกนกศักดิ์ ดวงแก้วเรือน นายกองค์การบริหารส่วนตำบลแม่ทา ให้ข้อมูลว่าเมื่อประมาณปี 2560 มีเจ้าหน้าที่จากศูนย์ประสานงานโครงการบ้านสหกรณ์สันกำแพงฯ ประสานให้อบต.แม่ทา คัดเลือกรายชื่อผู้มีรายได้น้อยและไร้ที่พึ่งจำนวน 100 คน เพื่อมอบเงินช่วยเหลือให้แก่บุคคลทั้ง 100 ราย แต่เมื่อตรวจสอบข้อมูลที่มีการเบิกจ่ายแล้วกลับมีรายชื่อชาวบ้านในพื้นที่อบต.แม่ทา ถึงจำนวน 537 ราย ที่กลายเป็นผู้ได้รับเงินสงเคราะห์ฯ ซึ่งนายก อบต.แม่ทา ก็ได้ส่งมอบรายชื่อบุคคลผู้มีรายได้น้อยและไร้ที่พึ่งจำนวน 100 รายนั่นให้แก่เจ้าหน้าที่สำนักงาน ป.ป.ท. เพื่อดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงต่อไป ว่าได้รับเงินสงเคราะห์ดังกล่าวจากศูนย์ประสานงานจริงหรือไม่









