
หญิงวัย 51 ปี ขี่มอเตอร์ไซค์วิบาก แฉลบล้มบริเวณแยกไฟแดง รถรับจ้างสี่ล้อเหลืองวิ่งตามหลัง ทับร่างและศรีษะดับอนาถ ก่อนหลบหนีไป จนท.เร่งตรวจสอบกล้องติดตามตัว
เมื่อเวลาประมาณ 16.50 น. วันที่ 9 ต.ค. 61 โดยทาง พ.ต.ท.นพภณ ปันธนวรากร รอง สว.สส.สภ.ช้างเผือก จ.เชียงใหม่ ได้รับแจ้งเหตุรถชนนกันที่บริเวณสี่แยกอัษฎาธร อ.เมือง จ.เชียงใหม่ มีผู้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ 1 ราย หลังทราบเรื่องจึงรุดเดินทางไปที่เกิดเหตุร่วมกับทางเจ้าหน้าที่ชุดสายตรวจ พร้อมทั้งประสานทางเจ้าหน้าที่กู้ภัย เจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบ
โดยเมื่อไปถึง พบรถติดเป็นทางยาว ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่กู้ภัยได้ทำการเคลียร์พื้นที่ เพื่ออำนวยความสะดวกการจราจรและกันผู้ไม่เกี่ยวข้องออก โดยบริเวณดังกล่าวพบรถ จยย. ยี่ห้อคาวาซากิ รุ่น KLX 150 สีเขียวขาว หมายเลขทะเบียน 2 กฆ 9133 เชียงใหม่ ล้มอยู่ ใกล้กันนั้นพบร่างหญิง 1 ราย นอนเสียชีวิตจมกองเลือด ทางเจ้าหน้าที่กู้ภัยได้ทำการช่วยกันนำศพออกจากที่เกิดเหตุอย่างเร่งด่วน โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการบันทึกข้อมูลที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน
ขณะเดียวกัน จากการตรวจสอบทราบชื่อผู้เสียชีวิตคือ นางณัฐวิมล พรหมวงศ์ศา อายุประมาณ 51 ปี สภาพสพถูกรถทับที่ร่างและศีรษะ โดยจากการสอบถามพยานในที่เกิดเหตุเบื้องต้นทราบว่า ก่อนเกิดเหตุผู้เสียชีวิตได้ขับรถจักรยานยนต์คันเกิดเหตุมาตามเส้นทางผ่านสี่แยกไฟแดง มุ่งหน้าไปทางสนามกีฬาเทศบาลนครเชียงใหม่ กระทั่งถึงบริเวณจุดเกิดเหตุ รถได้เกิดเสียหลักแฉลบล้มอย่างกะทันหัน ทำให้ร่างนอนอยู่บนพื้นถนน
จากนั้นมีรถรับจ้างสาธารณะสี่ล้อเหลือง วิ่งตามมาอย่างกระชั้นชิด ทำให้เบรกไม่ทัน ล้อหน้าทับเข้าที่บริเวณร่างของผู้เสียชีวิต และล้อหลังทับเข้าที่ศีรษะ จนร่างจมกองเลือดและเสียชีวิตคาที่ จากนั้นคนขับสี่ล้อเหลือง ก็ได้ขับหลบหนีไป ก่อนที่จะมีพลเมืองดีโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ให้เข้ามาตรวจสอบที่เกิดเหตุดังกล่าว

อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการมอบหมายให้เจ้าหน้าที่กู้ภัย นำร่างผู้เสียชีวิตส่งไปยังแผนกนิติเวช โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ เพื่อทำการชันสูตรสาเหตุการเสียชีวิตที่แน่ชัดอีกครั้ง พร้อมทั้งจะได้ประสานให้ทางญาติมารบศพผู้เสียชีวิตเพื่อนำกลับไปประกอบพิธีกรรมทางศาสนา
ส่วนทางด้านสี่ล้อเหลือง ที่หลบหนีหลังเกิดเหตุนั้น ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้ทำการตรวจสอบจากกล้องวงจรปิดของเทศบาลนครเชียงใหม่ ที่ติดตั้งในที่เกิดเหตุ พร้อมทั้งตรวจสอบสาเหตุที่แน่ชัด ก่อนจะได้ติดตามตัวคนขับมาสอบสวนและดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป









