ประเด๋็นคือ – รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ มองครม.ชุดใหม่เปลี่ยนแปลงในทางที่ดี ทีมเศรษฐกิจเข้าขากัน หวังเร่งแก้ปัญหาปากท้องประชาชน
วันนี้ (26 พ.ย. 2560) นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การปรับ ครม. ครั้งนี้ในภาพรวมคิดว่า เพื่อก่อให้เกิดความหวังว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น และนายกฯ คำนึงถึงเสียงเรียกร้องของสังคมที่อยากเห็นการปรับ ครม. เพื่อเข้ามาแก้ไขปัญหาสำคัญใน 2 เรื่องคือ
.1.ปัญหาพืชผลการเกษตรตกต่ำ และ 2.ปัญหาเศรษฐกิจระดับฐานราก เพราะมีการเปลี่ยนแปลงที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงพาณิชย์ เนื่องจากปัญหาพืชผลการเกษตรตกต่ำเป็นปัญหาที่แก้ไม่ตกในกระทรวงเกษตรฯ จึงเปลี่ยนรัฐมนตรีใหม่ทั้งหมด ก็ย่อมทำให้เกิดความหวังว่าจะมีส่วนช่วยในการแก้ไขปัญหาให้ดีขึ้น
อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนตัวบุคคลในการทำหน้าที่รัฐมนตรี อาจจะไม่เพียงพอ คิดว่าควรจะมีการปรับเปลี่ยนแนวคิดในการแก้ไขปัญหาให้มีแนวคิดที่ต่างจากรัฐมนตรีในอดีตที่ผ่านมาด้วย เพราะถ้าเปลี่ยนตัวบุคคลแต่ไม่เปลี่ยนแนวคิดและวิธีการก็คงไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้
นายกฤษฎา บุญราช ว่าที่รมว.เกษตรและสหกรณ์ (26 พ.ย. 60)
“การที่ให้นายกฤษฎา มาเป็น รมว.เกษตรฯ คิดว่าพล.อ.ประยุทธ์ คงเห็นฝีมือในการทำงานเชิงบริหาร และนายกฤษฎาอาจจะเคยทำงานสมัยอยู่ทางใต้ตอนเป็นปลัดมหาดไทย ก็ทำงานเข้าตา และทำงานมวลชนได้ระดับหนึ่ง เพราะคงจะมีข้อเรียกร้องให้แก้ปัญหาการเกษตรมากขึ้น แต่เป็นรัฐมนตรีทำงานเชิงบริหาร จึงขึ้นอยู่กับนายกฯ มองอย่างไร และคิดว่านายกฯ ก็พยายามเข้ามาจัดตัวบุคคลให้เข้ากับความสามารถในการแก้ไขปัญหาได้” นายองอาจกล่าวและว่า
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ว่าที่รมว.พาณิชย์ (26 พ.ย. 60)
อีกกระทรวงที่มีการเปลี่ยนแปลงคือกระทรวงพาณิชย์ เพราะรัฐบาลถูกวิพากษ์วิจารณ์ ถึงปัญหาเศรษฐกิจระดับฐานราก ประชาชนหาเช้ากินค่ำอยู่ในสภาพชักหน้าไม่ถึงหลัง ซึ่งเป็นการปรับเปลี่ยนเอา นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมช.พาณิชย์ มาเป็นรมว.พาณิชย์ แล้วเอา นางชุติมา บุณยประภัศร รมช.เกษตรฯ อดีตปลัดกระทรวงพาณิชย์ขึ้นมาเป็น รมช.พาณิชย์ ย่อมทำให้เกิดความหวังว่า จะช่วยทำให้ปัญหาเศรษฐกิจระดับฐานรากดีขึ้น แต่ถ้าเปลี่ยนตัวบุคคล แต่ใช้วิธีการเดิมคงไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ ส่วนรัฐมนตรีอื่นดูแล้วมีการสลับสับเปลี่ยนเพื่อความเหมาะสมเป็นด้านหลักมากกว่า
ที่น่าสนใจคือทีมงานด้านเศรษฐกิจ โดยการนำของนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ มีการกระชับอำนาจในการบริหารจัดการทีมงานด้านเศรษฐกิจ เข้ามาอยู่ในเครือข่ายของนายสมคิดเกือบทั้งหมด ซึ่งน่าจะทำให้สามารถขับเคลื่อนการไขปัญหาของประเทศได้ดีกว่าที่ผ่านมา แต่มีแนวคิดและวิธีการปฏิบัติหลายอย่างที่ทีมเศรษฐกิจอาจจะต้องปรับเปลี่ยน เพื่อให้การแก้ไขปัญหาประสบผลสำเร็จมากขึ้น
“หวังว่าการปรับเปลี่ยน ครม. ครั้งนี้ที่เหลือระยะเวลาประมาณ 1 ปีในการทำงานจะมีส่วนช่วยทำให้ประชาชนซึ่งมีความคาดหวังจากการปรับครม. ครั้งนี้ จะมีส่วนช่วยทำให้ประชาชนเกิดความสมหวังมากกว่าผิดหวัง โดยเฉพาะผลงานด้านแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจระดับฐานราก ถ้าทีมงานเศรษฐกิจชุดนี้ยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ ก็คงไม่สามารถไปโทษใครได้อีกแล้ว เพราะคราวนี้เป็นการปรับเอาตัวบุคคลซึ่งสามารถทำงานเข้าขากันมาทำงานร่วมกันในทีมเศรษฐกิจมากที่สุดครั้งหนึ่ง” นายองอาจ กล่าว
ขอบคุณภาพ Democrat Party, Thailand / สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์
