
อย.ตรวจสอบพบยาความดัน 5 ตำรับ ปนเปื้อนสารก่อมะเร็ง เผยปี ’60 มีผู้ป่วยใช้ 1 – 2 หมื่นคน รวมกว่า 6 ล้านเม็ด ย้ำผู้ป่วยอย่าหยุดยา ให้นำมาเปลี่ยนคืนที่ รพ.ตามสิทธิ พร้อมสั่งระงับผลิต-เก็บคืนภายใน 2 สัปดาห์
วันที่ 16 ก.ค. 61 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นพ.วันชัย สัตยาวุฒิพงศ์ เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) พร้อมด้วย นพ.สุรโชค ต่างวิวัฒน์ รองเลขาธิการ อย. ร่วมกันแถลงข่าวเรียกคืนยาวาลซาร์แทน (Valsartan) ซึ่งรักษาโรคความดันโลหิตสูง 5 ตำรับ เนื่องจากพบสารก่อมะเร็งในวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตยาออกจากท้องตลาด ซึ่งเป็นสารที่ไม่ควรมีอยู่ในยา
โดยมีบริษัทผู้รับอนุญาตผลิตหรือสั่งยาวาลซาร์แทนเข้ามาในราชอาณาจักร จำนวน 7 บริษัท และมีทะเบียนตำรับยาที่ได้รับอนุญาตให้จำหน่าย จำนวนทั้งสิ้น 16 ชื่อการค้า ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่า มีบริษัทผู้รับอนุญาตที่ใช้วัตถุดิบจาก Zhejiang Huahai Pharmaceuticals เพียง 2 ราย ได้แก่ บริษัท สีลมการแพทย์ จำกัด และ บริษัท ยูนีซัน จำกัด ซึ่งมีเลขทะเบียนตำรับ รวม 5 ตำรับ ได้แก่
บริษัท สีลมการแพทย์ จำกัด มี 2 ทะเบียนตำรับ ได้แก่
- ยา VALATAN 80 ทะเบียนตำรับยาเลขที่ 1A 9/54 (NG)
- ยา VALATAN 160 ทะเบียนตำรับยาเลขที่ 1A 10/54 (NG)
ส่วนของ บริษัท ยูนีซัน จำกัด มี 3 ทะเบียนตำรับ ได้แก่
- ยา VALSARIN 80 ทะเบียนตำรับยาเลขที่ 1A 4/60 (NG)
- ยา VALSARIN 160 ทะเบียนตำรับยาเลขที่ 1A 5/60 (NG)
- ยา VALSARIN 320 ทะเบียนตำรับยาเลขที่ 1A 6/60 (NG)

นพ.วันชัย กล่าวด้วยว่า กรณีนี้เกิดขึ้นจากบริษัทผู้ผลิตยาในยุโรปมีการตรวจสอบพบว่า มีสารก่อมะเร็งในหนูทดลอง จึงได้ประกาศเก็บยาดังกล่าวออกจากท้องตลาด และแจ้งเตือนไปยังเครือข่าย อย.ทั่วโลก อย.ไทยก็ได้รับแจ้งและดำเนินการสั่งเก็บออกจากท้องตลาดภายใน 2 สัปดาห์ เพื่อนำมาทำลาย
อย่างไรก็ตาม เราไม่จำเป็นต้องตรวจสอบซ้ำ ส่วนประชาชนที่รับประทานยาตัวนี้อยู่ สามารถนำไปเปลี่ยนคืนที่ รพ.ตามสิทธิได้ แต่ระหว่างที่รอการเปลี่ยนยา ยังสามารถกินยาตัวเดิมนี้ได้อยู่ หากกังวลว่าที่กินเข้าไปก่อนหน้านี้แล้วจะมีกระทบหรือไม่สามารถใช้สิทธิตามกฎหมายได้ หากมีหลักฐานเชิงประจักษ์ แต่ไม่อยากให้กังวลมาก เพราะส่วนหนึ่งของการตรวจพบสารก่อมะเร็งก็อยู่ในหนูทดลอง ยังไม่พบการเกิดโรคในคน
ด้าน นพ.สุรโชค ต่างวิวัฒน์ กล่าวต่อถึงคำแนะนำให้แก่ผู้ใช้ยาที่มียาตำรับดังกล่าว ดังนี้
- ไปเปลี่ยนยา ณ โรงพยาบาล คลินิก หรือสถานพยาบาลที่ได้รับการจ่ายยา
- หากยังไม่สามารถไปเปลี่ยนยาได้ในระยะนี้ ขออย่าได้หยุดการใช้ยา เนื่องจากผลิตภัณฑ์ยาวาลซาร์แทน (กลุ่ม Angiotensin II Receptor Blocker: ARB) เป็นยารักษาโรคความดันโลหิตสูง ซึ่งเป็นโรคเรื้อรังที่มีความจำเป็นต้องใช้ยาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสารปนเปื้อนที่พบในผลิตภัณฑ์ยาดังกล่าว จากการศึกษาข้อมูลความปลอดภัยย้อนหลัง ยังไม่พบว่าผู้ป่วยมีประเด็นการเกิดมะเร็งจากยานี้ที่ใช้วัตถุดิบจากจีน
- ผู้ป่วยที่เคยได้รับผลิตภัณฑ์ยาวาลซาร์แทนในการรักษามาอย่างต่อเนื่อง ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนไปใช้ยารักษาโรคความดันโลหิตสูงตัวอื่น โดยยังคงสามารถใช้ผลิตภัณฑ์ยาวาลซาร์แทน เลขทะเบียนตำรับอื่นที่ไม่มีการปนเปื้อนได้
- สามารถใช้ยารักษาโรคความดันโลหิตสูง และโรคหัวใจ ในยายี่ห้ออื่นที่ไม่ใช่ใน 5 ตำรับดังกล่าว
นพ.สุรโชค กล่าวด้วยว่า ยาวาลซาร์แทนเป็นยานอกบัญชียาหลักแห่งชาติ ผู้ป่วยทุกสิทธิการรักษาจะไม่ได้รับผลกระทบมากนัก เพราะการให้ยารักษาโรคความดันจะต้องจ่ายยาที่อยู่ในบัญชียาหลักก่อนเป็นตัวแรก เช่น ยาลอซาร์แทน (Losartan) หากใช้ยาในบัญชีแล้วไม่ได้ผล ถึงจะจ่ายยาวาลซาร์แทนให้ ซึ่งในปี 2561 อยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูลการผลิตจาก 2 บริษัท และรายงานการเก็บยาคืนจากท้องตลาด ซึ่งจะทราบผลภายใน 2 สัปดาห์
แต่จากข้อมูลการใช้ยารักษาโรคความดันโลหิตสูงในผู้ป่วยทุกสิทธิการรักษาในปี 2560 รวม 30 ล้านเม็ด แต่มีเพียง 6 ล้านเม็ดที่เป็นยาวาลซาร์แทน ซึ่งหากนับเป็นจำนวนคนแล้วก็ประมาณ 1 – 2 หมื่นคน โดยได้ประสานไปยัง รพ.ต่างๆ ซึ่งจะมีรายชื่ออยู่ว่า ผู้ป่วยคนไหนบ้าง ให้แจ้งเตือนในการนำยามาคืน และให้ยาตัวใหม่ไปแทน ทั้งนี้ ขอเตือนว่าอย่าหยุดยา เพราะจะมีผลกระทบกับสุขภาพแค่ 7 – 10 วัน แต่ข้อกังวลเรื่องมะเร็ง เป็นเรื่องระยะยาวเป็น 10 ปี ที่สำคัญยังไม่พบ แต่เป็นการเฝ้าระวัง ซึ่งก็ต้องรอดูข้อมูลจากทั่วโลกด้วย
(ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก: อย.)
อ่านข่าวอื่นได้ที่
เว็บไซต์ : workpointnews.com
เฟซบุ๊ก: ข่าวเวิร์คพอยท์ ตลาดข่าว
ยูทูบ: workpoint news
ทวิตเตอร์: workpoint news
อินสตาแกรม: workpointnews









