กทม.เร่งพร่องน้ำเพื่อเตรียมรับมือน้ำเหนือ-น้ำหนุน และเตรียมกระสอบทรายกว่า 2 แสนลูก เพื่อกระจายให้ชุมชนที่เปราะบาง ขณะที่ผู้ว่าฯ สัญจรวันนี้เปิดเมนูก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่ของดีป้อมปราบฯ กินมื้อกลางวันกับทีมงานลูกจ้าง นายชัชชาติ ย้ำคนงานของเขตเปรียบเสมือนโซ่ข้อสุดท้ายที่เชื่อมต่อ กทม.กับประชาชน
บรรยากาศผู้ว่าฯ กทม. สัญจรเขตป้อบปราบศัตรูพ่าย วันนี้ (24 ก.ย. 2565) เป็นไปอย่างเรียบง่ายและเป็นกันเอง นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (ผู้ว่าฯ กทม.) ร่วมรับประทานอาหารกลางวันกับลูกจ้างประจำของสำนักงานเขต จำนวน 5 คนที่ได้รับคัดเลือกให้เป็นผู้แทนของลูกจ้างให้ร่วมโต๊ะอาหารกลางวันกับผู้ว่าฯ กทม. ประกอบด้วย
- นางสาวมาริสา ล่าสมบูรณ์ ลูกจ้างประจำ พนักงานทั่วไป (กวาด) อายุ 35 ปี อายุงาน 11 ปี
- นายเรืองยศ พิมทอง ลูกจ้างประจำ พนักงานทั่วไป (เก็บขนมูลฝอย) อายุ 54 ปี ทำงานมา 30 ปี
- นายปกรณ์เกียรติ กอพงษ์ ลูกจ้างประจำ พนักงานประจำรถ (รถสูบสิ่งปฏิกูล) อายุ 43 ปี อายุงาน 10 ปี
- นายสุรินทร์ จั่นบางยาง ลูกจ้างประจำ พนักงานสวนสาธารณะ อายุ 50 ปี เพิ่งได้บรรจุเป็นลูกจ้างประจำ 3 ปีกว่า
- นายสมชาย ห่างกลาง ลูกจ้างชั่วคราว ตำแหน่งพนักงานทั่วไป (ระบายน้ำ) อายุ 37 ปี
สำหรับเมนูอาหารวันนี้มี ก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่ซึ่งถือเป็นอาหารขึ้นชื่อของเขตป้อมปรามฯ รวมไปถึงข้าวคลุกกะปิ และขนมจีนแกงเขียวหวาน
ผู้ว่าฯ ชัชชาติ ได้พูดคุยระหว่างมื้ออาหารกับพนักงานอย่างเป็นกันเอง สอบถามทั้งในเรื่องงานและเรื่องทั่วไป พร้อมให้กำลังใจในการทำงานกับทุกคน
ทั้งนี้ การรับประทานอาหารร่วมกับลูกจ้างเป็นหนึ่งในนโยบายของผู้ว่าฯ ชัชชาติ เพื่อพบปะพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ รับฟังปัญหาและสอบถามสารทุกข์สุกดิบ อีกทั้งเป็นการให้ความสำคัญกับคนงานของเขตที่เปรียบเสมือนโซ่ข้อสุดท้ายที่เชื่อมต่อกทม.กับประชาชน อยู่ใกล้ชิดพื้นที่และปัญหามากที่สุด โดยเริ่มครั้งแรกเมื่อวันอาทิตย์ที่ 3 ก.ค. 65 จากกิจกรรมผู้ว่าฯ กทม. สัญจร ณ สำนักงานเขตจตุจักร

กทม.เตรียมกระสอบทราบ 2 แสนใบ พร้อมรับน้ำท่วม
นายชัชชาติ กล่าวถึงกรณีมาตรการรับมือกับน้ำเหนือ-น้ำหนุนว่า ต้องพร่องน้ำอย่างเต็มที่และให้ต่ำที่สุดเพื่อเตรียมรับมือ และมีการเตรียมกระสอบทรายไว้อีกประมาณ 2 แสนกว่าลูก เพื่อกระจายให้ชุมชนที่เปราะบาง และได้มีการสั่งการว่าให้จัดลำดับเหตุการณ์ว่า หากเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น เช่น ฝนตกที่เขตไหนให้สำนักการระบายน้ำส่งข้อมูลไปที่เขต และเขตต้องรู้ว่าสถานการณ์แบบนี้ต้องเข้าไปดูแลที่ชุมชนไหนก่อน เช่น การเรียงกระสอบทรายเพื่อป้องกันเหตุที่จะเกิดขึ้น เพราะหากเราป้องกันได้บางส่วนก่อนความเสียหายอาจจะไม่รุนแรงมาก ซึ่งเอาชุมชนมาเป็นแนวร่วมในการแก้ปัญหาด้วย ที่ผ่านมาเรามีบทเรียนแทบทุกเขตแล้ว ว่าในฝนตกแต่ละเขตเป็นอย่างไร ซึ่งแต่ละเขตก็รู้จุดอ่อน และตอนนี้เหมือนเรามีบทซ้อมไว้แล้ว แต่ถ้าเราดูแนวฝนจริงๆ จะไปกระทบกับภาคเหนือเยอะกว่า ของกรุงเทพฯจะเป็นอ่อนๆ แต่จะมีน้ำเหนือกับน้ำหนุนมาเสริม ซึ่งได้มีการสั่งการให้เรียงกระสอบทรายริมคันกั้นน้ำเป็นหลัก ซึ่งได้ย้ำกับผอ.เขต ว่าให้รีบทำถ้ามีจุดฟันหลอก็เสริมเข้าไป











