
ประเด็นคือ- กระแสต่อต้านบ้านพักศาลรุกพื้นที่ป่าดอยสุเทพ ขยายวงกว้าง เจ้าของร้านเชียงใหม่หลายแห่งร่วมแสดงพลัง “ขอคืนพื้นที่ป่าดอยสุเทพ” ติดป้าย “ไม่ต้อนรับคนทำลายป่าดอยสุเทพ”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (25 เม.ย. 61) นอกจากในเฟซบุ๊ก “ขอคืนพื้นที่ป่าดอยสุเทพ” ที่มีการโพสต์ข้อความว่า “อยู่ได้ก็อยู่ไป ! ให้มันรู้กันไประหว่าง “คนเชียงใหม่กับคนหมู่บ้านป่าแหว่ง” ใครมันจะแน่กว่ากัน ถ้าคุณคิดว่าสามารถทนกระแสสังคมคนเชียงใหม่ไปได้ก็เชิญอยู่ตามสบายเลย”, #เราคนเชียงใหม่ไม่ขอร่วมสังฆกรรมกับคนบ้านป่าแหว่ง, #ขอคนละหนึ่งภาพคัดค้านบ้านป่าแหว่งจัดมา, #เชียงใหม่โมเดล, #เพจขอคืนพื้นที่ป่าดอยสุเทพ พร้อมภาพถ่ายหน้าร้านขายของหลายแห่งที่มีการติดป้าย

ใจความโดยสรุปว่า ไม่ขายสินค้าหรือบริการให้คนทำลายป่า รวมทั้งมีการติดริบบิ้นเขียว เพื่อแสดงออกเรียกร้องให้รื้อถอนโครงการบ้านพักข้าราชการตุลาการ ศาลอุทธรณ์ภาค 5 แล้วพบว่า ขณะนี้มีเจ้าของร้านหลายแห่งที่ร่วมแสดงออกด้วยวิธีการดังกล่าว

โดยที่ร้านสิงหราชคาร์แคร์ ในตัวเมืองเชียงใหม่ พบว่า เป็นหนึ่งในร้านที่ร่วมแสดงออกในเรื่องนี้ ด้วยการติดป้ายที่ทำขึ้นอย่างง่ายๆ ด้วยกล่องกระดาษและเขียนข้อความว่า “ร้านนี้ไม่ต้อนรับคนทำลายป่าดอยสุเทพ” พร้อมทั้งมีการติดป้ายไวนิล “ขอคืนพื้นที่ป่าดอยสุเทพ” ไว้ที่บริเวณหน้าร้าน

ขณะเดียวกันยังมีการแจกสติ๊กเกอร์และริบบิ้นสีเขียว สัญลักษณ์ของการรณรงค์เรียกร้องขอคืนพื้นที่ป่าดอยสุเทพ ให้กับลูกค้า และประชาชนทั่วไปที่มีจุดยืนเช่นเดียวกันด้วย ซึ่งจากการสอบถามนายวิบูลย์ สิงคะตีระ อายุ 63 ปี เจ้าของร้านเปิดเผยว่า ทางร้านติดป้ายไวนิล “ขอคืนพื้นที่ป่าดอยสุเทพ” ตั้งแต่ที่เริ่มมีการจัดตั้งเครือข่ายขอคืนพื้นที่ป่าดอยสุเทพ เมื่อช่วงปลายเดือน มี.ค.61 รวมทั้งเป็นจุดแจกสติ๊กเกอร์และริบบิ้นสีเขียวสัญลักษณ์ของการรณรงค์เรียกร้องขอคืนพื้นที่ป่าดอยสุเทพ
กระทั่งล่าสุดได้มีการติดป้ายที่เขียนข้อความว่า “ร้านนี้ไม่ต้อนรับคนทำลายป่าดอยสุเทพ” เพื่อเป็นการแสดงออก เน้นย้ำจุดยืนในการเรียกร้องและต้องการขอคืนพื้นป่าดอยสุเทพ ซึ่งนอกจากที่ร้านของตัวเองแล้วยังมีอีกหลายร้านที่ติดป้ายลักษณะเดียวกันนี้

ทั้งนี้นายวิบูลย์ บอกว่า ทราบเกี่ยวกับโครงการก่อสร้างบ้านพักข้าราชการตุลาการ ศาลอุทธรณ์ภาค 5 ตั้งแต่ช่วงปี 2558-2559 ที่ชมรมร่มบินนำข้อมูลมาเผยแพร่ และไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งกับโครงการนี้มาตั้งแต่แรก รวมทั้งมีความพยายามของประชาชนชาวเชียงใหม่ที่คัดค้านท้วงติงความเหมาะสมตั้งแต่เวลานั้น อย่างไรก็ตาม เนื่องจากสถานการณ์ในเวลานั้นทำให้การเรียกร้องไม่ต่อเนื่อง กระทั่งปัจจุบันที่ต้องมาเรียกร้องกันอีกครั้ง ซึ่งการเคลื่อนไหวและแสดงออกของตัวเองนั้น ทำด้วยความจริงใจในฐานะคนเชียงใหม่ที่รักและหวงแหนดอยสุเทพ พร้อมทั้งอยากเชิญชวนให้ผู้คนร่วมกันแสดงพลังปกป้องดอยสุเทพด้วย โดยอยากวิงวอนต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่า ให้รื้อบ้านพักและอาคารที่พักทั้งหมดออกไป พร้อมทั้งฟื้นฟูสภาพป่าน่าจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุด










