
เฟซบุ๊ก “ไทยคู่ฟ้า” เผยแพร่ข้อมูลอ้าง กระทรวงการต่างประเทศ ยืนยันไทยไม่ได้ประโยชน์ใดในการควบคุมตัวฮาคีม และยังหวังออสเตรเลีย-บาห์เรน หาทาออกร่วมกันได้ ส่วนขั้นตอนของไทยอยู่ในชั้นศาลแล้วรัฐบาลแทรกแซงไม่ได้
วันที่ 5 ก.พ. เฟซบุ๊กเพจ ไทยคู่ฟ้า ของทีมงานโฆษกรัฐบาลได้เผยแพร่ข้อความอ้างที่มาจากกระทรวงการต่างประเทศถึงท่าทีของไทย ต่อกรณีการเรียกร้องให้ทางการไทยส่งตัวนายฮาคีม อัล-อาไรบี อดีตนักฟุตบอลเยาวชนทีมชาติบาห์เรนที่หนีคดีและได้รับสัญชาติผู้ลี้ภัยของออสเตรเลียกลับประเทศออสเตรเลีย หลังจากถูกจับในประเทศไทยที่สนามบินสุวรรณภูมิ เมื่อวันที่ 27 พ.ย.61 แทนที่จะส่งตัวให้บาห์เรน
ข้อความสรุปใจความสำคัญว่า ประเทศไทยไม่รู้จักนายฮาคีมเป็นการส่วนตัว การจับกุมเป็นไปตามการแจ้งเตือนอินเตอร์โพลของออสเตรเลียและทางการบาห์เรนมีคำร้องขอส่งผู้ร้ายข้ามแดนอย่างเป็นทางการ อย่างไรก็ตามขณะนี้เรื่องเข้าสู่กระบวนการศาลแล้ว ซึ่งรัฐบาลแทรกแซงไม่ได้ จึงขอให้อย่าด่วนสรุปว่าจะมีการส่งตัวให้บาห์เรน

สำหรับข้อความฉบับเต็มระบุว่า เผยท่าทีไทย! กรณีเรียกร้องให้ส่งตัวนายฮาคีมกลับออสเตรเลีย นาทีนี้คงไม่มีใครไม่รู้จัก นายฮาคีม อัล-อาไรบี อดีตนักฟุตบอลทีมชาติบาห์เรน ที่ถูกจับกุมตัวตามหมายจับขององค์การตำรวจอาชญากรรมระหว่างประเทศ หรือ Interpol และหมายจับของบาห์เรน ขณะเดินทางจากประเทศออสเตรเลียเข้ามายังประเทศไทยที่ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ เมื่อวันที่ 27 พ.ย. 61 ที่ผ่านมา
หลายต่อหลายเสียงเรียกร้องให้ทางการไทยส่งตัวนายฮาคีมกลับประเทศออสเตรเลีย เนื่องจากได้รับสถานะผู้ลี้ภัยจากรัฐบาลออสเตรเลียเรียบร้อยแล้วเมื่อปี พ.ศ. 2560 ต่อกรณีดังกล่าว ทางการไทยขอชี้แจงข้อเท็จจริง ดังนี้
1. ประเทศไทยไม่รู้จักนายฮาคีม ไม่มีอคติต่อตัวบุคคล และไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเดินทางมายังไทยจนถูกจับกุม โดย Interpol ของออสเตรเลียได้แจ้งเตือนเรื่องหมายแดงของนายฮาคีม และทางการบาห์เรนมีคำร้องขออย่างเป็นทางการจากรัฐบาลให้จับกุมนายฮาคีมและส่งผู้ร้ายข้ามแดน
2. ขณะนี้เรื่องได้เข้าสู่กระบวนการศาลแล้ว ในขั้นตอนของกฎหมายฝ่ายบริหารไม่สามารถแทรกแซงฝ่ายตุลาการได้ ซึ่งเป็นหลักสากลและเชื่อว่าออสเตรเลียก็ยึดถือหลักการนี้เช่นเดียวกัน
3. “ขออย่าได้ด่วนสรุป” ว่า ไทยจะส่งตัวนายฮาคีมให้กับบาห์เรน เรื่องนี้ศาลจะพิจารณาตามหลักฐานที่มีอยู่ ซึ่งมีพื้นฐานจากหมายจับ/หมายศาลของบาห์เรน เมื่อเขาหนีความผิดตามกฎหมายของประเทศบาห์เรนมา และบาห์เรนได้ขอให้คุมตัวเมื่อมาไทย พร้อมกับส่งเอกสารหลักฐานทางกฎหมายให้ฝ่ายไทย พนักงานอัยการพิจารณาแล้วเห็นว่าเข้าเกณฑ์ตามกฎหมายที่จะส่งฟ้องต่อศาลได้ จึงดำเนินการต่อไปแล้ว
4. ขณะเดียวกัน ศาลไทยพร้อมรับหลักฐานทุกชิ้นทุกชนิดที่เป็นข้อเท็จจริงและเป็นธรรมต่อนายฮาคีมที่ทนายของนายฮาคีมจะนำส่งให้ศาลพิจารณา
5. “ไม่มีส่วนใดของไทยที่จะได้ประโยชน์จากการควบคุมตัวนายฮาคีม” แต่ในฐานะรัฐอธิปไตยที่มีพันธะทางกฎหมายและความถูกต้องต่อสังคมโลก ประกอบกับมิตรประเทศของไทยทั้งสอง ต่างต้องการตัวนายฮาคีม ที่ได้เดินทางมายังประเทศไทย โดยหนึ่งประเทศได้ร้องขอความร่วมมือบนพื้นฐานทางกฎหมายและความถูกต้อง แต่อีกหนึ่งประเทศได้อาศัยพื้นฐานทางอำนาจการเมืองและการขยายวงกดดันผ่านแนวร่วม

ซึ่งในภาวะดังกล่าวไทยมีทางเลือกอันชอบธรรมเพียงว่า
“(1) ให้ความร่วมมือทางด้านกฎหมาย และ (2) เสนอแนะให้ทั้งสองประเทศ ซึ่งเป็นมิตรประเทศที่ดีต่อกัน หันหน้าหารือ หาทางออกในปัญหาซึ่งเป็นของตนเอง แทนการคิดผลักดันหาทางออกทางอ้อมจากไทย ที่ต้องกลายมาเป็นส่วนหนึ่งในประเด็นดังกล่าว”
6. การขอให้ออสเตรเลียกับบาห์เรนคุยกัน หาทางออกร่วมกัน จึงเป็น “ท่าทีโดยชอบธรรมของไทย” และไม่ว่าแนวทางออกร่วมกันดังกล่าวเป็นในรูปแบบใด ไทยยินดีช่วยส่งเสริมให้เป็นจริงและบรรลุผลสัมฤทธิ์ที่ได้ประโยชน์ทั้ง 2 ฝ่าย
7. ไทยหวังว่าทั้งออสเตรเลียและบาห์เรนจะมีมิตรไมตรีที่ดีและจริงใจต่อกันในการร่วมกันหาทางออกของเรื่องนี้
นอกจากนี้ ยังเชื่อมั่นว่าทุกฝ่ายจะร่วมกันหาทางออกที่ดีที่สุดในเรื่องนี้ได้ในเร็ววัน โดยที่ทั้ง 2 ฝ่ายต่างได้ประโยชน์ ท่ามกลางการเฝ้าจับตามองจากผู้คนทั่วโลก
ที่มา : กระทรวงการต่างประเทศ https://www.facebook.com/ThaigovSpokesman/photos/a.210271022772045/594913570974453/?type=3&theater
อ่านสรุปที่มาที่ไปกรณีนี้โดยทีมข่าวเวิร์คพอยท์
https://www.facebook.com/WorkpointNews/photos/a.153956988306921/852020631833883/?type=3&theater









