พรรคเพื่อไทยจัดปราศรัยใหญ่ครั้งแรก ชูแนวทางแก้ปัญหาเศรษฐกิจ “ชัชชาติ” เสนอแนวทางเพิ่มกำลังซื้อในประเทศ ลดอุปสรรคการลงทุน “สุดารัตน์” ย้ำได้เวลาที่พรรคจะกอบกู้เศรษฐกิจ หลังรัฐบาลปัจจุบันใช้งบประมาณไปมาก แต่แก้ปัญหาไม่ได้
วันที่ 15 ก.พ. ที่ลานคนเมือง ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร พรรคเพื่อไทย จัดปราศรัยใหญ่เป็นครั้งแรก นำโดย 3 แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์, นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์, นายชัยเกษม นิติสิริ รวมทั้งแกนนำคนอื่นๆ เช่น ร.ต.อ. เฉลิม อยู่บำรุง, นายปลอดประสพ สุรัสวดี, นายโภคิน พลกุล, นายพงษ์เทพ เทพกาญจนา
นายชัยเกษม นิติสิริ อดีตรัฐมนตรียุติธรรม ปราศรัยว่า พรรคเพื่อไทยพร้อมจะแก้ไขกฎหมายที่ไม่เป็นธรรมที่มาจากสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ที่มาจากการสรรหาของ คสช. ขอให้ประชาชนส่งข้อมูลเข้ามา พรรคพร้อมจะเปลี่ยนแปลงและยกเลิก นอกจากนี้พรรคจะเสนอปฏิรูปกองทัพ ยกเลิกเกณฑ์ทหาร และทำให้กระบวนการยุติธรรมโปร่งใส ตรวจสอบได้ โดยตั้งคณะกรรมการอิสระเพื่อตรวจสอบ และให้ประชาชนวิพากษ์วิจารณ์ได้

ภาพ : THAI NEWS PIX
ด้านนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ปราศรัยว่า จากการลงพื้นที่ในต่างจังหวัด พบว่า เกษตรต้องจำนำทรัพย์สินและอุปกรณ์ทำกิน ขณะที่ผู้ค้าตลาดกรุงเทพระบุว่า เศรษฐกิจไม่ดี ยาเสพติดระบาดมากขึ้น คนไม่หวังเศรษฐกิจในชาตินี้ ร้านสังฆทานจึงขายดี
นายชัชชาติระบุว่าสาเหตุที่เศรษฐกิจไม่ดีเพราะโครงสร้างเศรษฐกิจของไทยเปลี่ยนไป มีความทับซ้อนมากขึ้น เช่น ข้าวหอมมะลิไทยมีคู่แข่งข้าวหอมมะลิเวียดนามที่ขายถูกกว่า การแจกเงินไม่ได้ช่วยแก้ปัญหา คนที่จะแก้ปัญหาต้องมีความเข้าใจ 3 ด้านคือ เข้าใจอนาคต เข้าใจประชาชน เข้าใจวิธีทำ ช่วง 17 ปีที่ผ่านมาพรรคเพื่อไทยได้พิสูจน์ว่ามีความเข้าใจ 3 ด้าน ยกตัวอย่าง โครงการหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า กองทุนหมู่บ้าน และโครงการคมนาคม 2 ล้านล้านบาท

นอกจากนี้ระบุว่าสภาพเศรษฐกิจไทยปัจจุบัน เข้า 3 ลักษณะ คือ 1.แข็งบนอ่อนล่าง ขยายตัวเฉพาะกลุ่มบนคนกลุ่มล่างขาดกำลังซื้อ คนมีหนี้สินครัวเรือนมากขึ้น มีคนจนที่ลงทะเบียนบัตรรัฐสวัสดิการ 14.5 ล้านคน การจัดระเบียบคนหาเช้ากินค่ำ เช่นประมง ขายหายเร่ ทำให้หารายได้ยากขึ้น
2.ลักษณะแข็งนอกอ่อนใน ที่ผ่านมาไทยเน้นการส่งออก 70% แต่การบริโภคภายในประเทศอ่อนแอ การลงทุนในประเทศจากกลุ่มคนที่เป็นฟันเฟืองเล็กน้อยสะดุด
และ 3.ลักษณะแต่ก่อนแข็ง หมายถึง เศรษฐกิจแย่ลง ซึ่งการแก้ปัญหาต้องเพิ่มกำลังซื้อภายในประเทศ รัฐบาลมีหน้าที่ลดอุปสรรคต่างๆ ลงทุนอุตสาหกรรมที่มีอนาคต เช่นโซล่าเซลล์ รถไฟฟ้า และลดการนำเข้า สร้างแบรนด์ไทยให้เข้มแข็ง โดยรัฐบาลต้องวางราระแห่งชาติ 2 เรื่องคือ ปราบทุจริตและสร้างคุณภาพชีวิตและสิ่งแวดล้อม ที่ทุกคนมีสิทธิ์ได้รับอากาศบริสุทธิ์

ภาพ : THAI NEWS PIX
ขณะที่คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์ฯ พรรคเพื่อไทย ปราศรัยว่า หมดเวลารถถังได้เวลากอบกู้เศรษฐกิจ โดยพรรคเพื่อไทย ด้วยมาตรการเร่งด่วน 5 มาตรการ
1. ปรับโครงสร้างหนี้ เพื่อช่วยกลุ่มธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลางที่อยู่ในภาวะวิกฤตสามารถลุกขึ้นมาได้ เตรียมรับสึนามิเศรษฐกิจโลก ต้องปรับตัวก่อนเจ๊ง รอดก่อนตาย
2.เร่งเติมเงินทุน เปิด Finance company หรือ ธนาคารพัฒนารายได้ ทุกจังหวัด เป็นแหล่งเงินทุนให้ผู้ประกอบการรายย่อย
3.ขายของได้ สินค้าไทยไปตลาดโลก ขยายหาตลาดโลกให้สินค้าไทย
4.ขจัดอุปสรรคขวางกั้นการทำมาหากิน เช่นระเบียบและกฎหมาย ลดภาษี พักชำระหนี้ 3ปี
5. เกษตรกรกำหนดราคาสินค้าเกษตรได้เอง หากได้เป็นรัฐบาล ภายใน 6 เดือน สามารถปรับราคาสินค้าเพิ่มขึ้น 30% เน้นผลิตสินค้าคุณภาพ โดยมี กองทุนปรับเปลี่ยนหน้าดิน เพื่อให้เป็นสินค้าออแกนิค

นอกจากนี้ ยังมีมาตรการทางเศรษฐกิจหลายด้าน คือ ยกเลิกวีซ่าไทยจีน เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว จัดตั้ง “Smart small” ช่วยเรื่องเงินทุน ให้ความรู้เรื่องการพัฒนาสินค้า กฎระเบียบให้คนตัวเล็กเป็นเจ้าของธุรกิจได้ โดยจะดึงงบประมาณจากกระทรวงกลาโหม 20,000 ล้านบาทมาสร้างการลงทุน โดยจะยกเลิกการเกณฑ์ทหาร
จัดตั้ง “กองทุนคนเปลี่ยนงาน” รองรับแรงงานที่ตกงานหรือถูกเลิกจ้าง, จัดทำ “บัตรทอง Start up ” ส่งเสริมนักลงทุนขนาดเล็ก ธุรกิจ Start up ลงทุนใน EEC, ฟื้นฟู หลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า สร้างสุขภาพดีถ้วนหน้า ยาดี รักษาดี ไม่ต้องรอคิว มีหมอใกล้ตัวผ่านมือถือ
ตั้งศูนย์วอร์รูม แก้ไขฝุ่นพิษ คืนอากาศบริสุทธิ์ให้คนกรุงเทพใน 3 ปี และภายใน 4 ปีจะเปลี่ยนรถโดยสารสาธารณะเป็นรถไฟฟ้า ส่งเสริมการใช้รถไฟฟ้าแทนน้ำมัน , จัดทำ food street เป็นอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ปรับให้สะอาด เป็นระเบียบ มีที่ล้างจาน
ทั้งนี้ คุณหญิงสุดารัตน์ระบุว่า ในรอบการบริหารงานของรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ใช้งบประมาณไปแล้วกว่า 14.4 ล้านล้านบาท เพิ่มดัชนีหนี้ครัวเรือนเพิ่มขึ่นเป็น 91,000ล้านบาท และเพิ่มหนี้เกษตรกร ทำให้คนจนจนทั่วหน้า

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายพานทองแท้ ชินวัตร สมาชิกพรรคเพื่อไทย บุตรชายนายทักษิณ ชินวัตร ได้เดินทางมาร่วมฟังการปราศรัยในวันนี้ด้วย









