ในตำราพิชัยสงครามของจีน “36 กลยุทธ์” เป็นอีกหนึ่งภูมิปัญญาโบราณที่มีการนำมาประยุกต์ใช้อย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะกลยุทธ์สุดท้ายที่ชื่อว่า “หนี” ก็ได้รับการกล่าวขานว่า เป็นสุดยอดกลยุทธ์
หรือในพงศาวดารสามก๊ก เมื่อโจโฉต้องประสบภาวะคับขัน ก็อาศัยการหนีนี่แหละ จึงเอาตัวรอดมาได้ แต่ผู้ที่ใช้กลยุทธ์นี้ได้อย่างช่ำชองที่สุด น่าจะเป็นสุมาอี้ แม้สถานการณ์จะได้เปรียบ ในบางคราเขากลับเลือกที่จะถอย ไม่บุกอย่างสุ่มเสี่ยง ดังจะเห็นได้จากระหว่างที่เขาทำศึกกับขงเบ้ง
หรือถ้าใกล้ตัวกันมาอีกหน่อย ก็คือการเลือกที่จะลี้ของสองศรีพี่น้อง ทั้งทักษิณ และยิ่งลักษณ์ เพราะเมื่อสถานการณ์ไม่เป็นใจ ดันทุรังไปก็มีแต่เจ็บ สู้ถอยออกมาตั้งหลัก ในอนาคตอาจพลิกกลับมาชนะได้อีก
แต่ครั้งนี้คงไม่ง่ายนัก และทำให้คำว่า “ดูด” ดังกระหึ่มขึ้นมา จากการที่รัฐบาลได้ดึงนักการเมืองผู้กว้างขวางในโซนต่างๆ เข้ามาช่วยงาน จนเกิดวิวาทะ “รถสีเหลืองๆ” ระหว่าง สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ แกนนำพรรคเพื่อไทย กับ สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ กุนซือด้านเศรษฐกิจของรัฐบาล
ซึ่งถ้าย้อนกลับไปเมื่อครั้งที่พรรคไทยรักไทย หรือเพื่อไทย ในปัจจุบัน สามารถชนะเลือกตั้งได้อย่างถล่มทลาย เมื่อปี 44 กลยุทธ์หลักที่ทำให้ทักษิณถึงฝั่งฝัน ก็คือการดูดนี่แหละ และไม่เพียงแต่พรรคไทยรักไทยเท่านั้น ในการเลือกตั้งทุกยุคทุกสมัย พรรคที่ใช้กลยุทธ์ดูดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ก็มักได้คะแนนมาเสียงมาเป็นอันดับ 1
“ดูด” แม้จะไม่เคยปรากฏชื่อในตำราพิชัยสงครามฉบับใด แต่สำหรับการเมืองไทย น่าจะเป็นกลยุทธ์ที่สำคัญอันดับต้นๆ เลยเชียว
ภาพจาก pixabay.com
