- อดีต ผู้บริหารบริษัทของสนธิ ลิ้มทองกุล
- อดีต รมว.คลัง รัฐบาลทักษิณ
- ปัจจุบัน รองนายกฯ รัฐบาล คสช.
ก่อนที่ สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ จะเข้ามายังแวดวงการเมือง ก็มีประสบการณ์เป็นผู้บริหารบริษัทต่างๆ หลายแห่ง รวมถึงเคยเป็นผู้บริหารในบริษัทของ สนธิ ลิ้มทองกุล ด้วย
ว่ากันว่า ในช่วงที่ความสัมพันธ์ระหว่างทักษิณกับสนธิ ยังหวานชื่น สนธินี่แหละ เป็นผู้แนะนำสมคิดให้กับทักษิณ และต่อมาเมื่อทักษิณเข้าสู่แวดวงการเมือง เขาก็ชวนสมคิดมาช่วยงานด้วย โดยสมคิดเป็นหนึ่งในผู้อยู่เบื้องหลังนโยบายประชานิยม ที่พรรคไทยรักไทยใช้หาเสียง จนชนะการเลือกตั้งถล่มทลายเมื่อปี 44
โดยที่มาของนโยบายนี้ สมคิดได้ร่วมกับ พันศักดิ์ วิญญรัตน์ อีกหนึ่งกุนซือสำคัญของทักษิณ นำนโยบายประชานิยมของ บุญชู โรจนเสถียร ที่เคยเสนอ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช แต่ถูกปฏิเสธ มาปรับปรุงใหม่ และหลังจากไทยรักไทยชนะเลือกตั้ง สมคิดก็ได้รับมอบหมายให้ดูแลนโยบายด้านเศรษฐกิจ จนกระทั่งเกิดการรัฐประหารในปี 49
หลังจากนั้นสมคิดก็ลาออกจากพรรคไทยรักไทย และได้เข้ามาช่วยงานรัฐบาล คมช. ระยะหนึ่ง ก่อนเป็นผู้ร่วมก่อตั้งพรรครวมใจไทยชาติพัฒนา แต่เมื่อผลการเลือกตั้งในปี 50 ออกมา พรรคดังกล่าวได้ ส.ส.เพียงน้อยนิด ชื่อของสมคิดก็แทบจะหายไปจากแวดวงการเมือง
หลังรัฐประหารในปี 57 ชื่อของสมคิดก็ดังถี่ๆ ขึ้นอีกครั้ง โดยเขาได้รับการแต่งตั้งให้เป็นที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจ และมี มรว.ปรีดิยาธร เทวกุล เป็นรองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ โดยมีข่าวออกมาเป็นระยะว่า ทั้งสองไม่ค่อยแฮปปี้ในการทำงานร่วมกันนัก กระทั่งกลางปี 58 หม่อมอุ๋ยก็ถูกปรับออก แล้วสมคิดก็ได้รับแต่งตั้งเป็นรองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ
และเมื่อปีที่แล้ว จากคำกล่าวของเขาช่วงหนึ่งที่ว่า “รัฐบาลจะใช้โอกาสที่มีอยู่เร่งแก้ปัญหาความยากจนของประเทศ โดยตั้งเป้าหมายคนไทยทุกคนที่ยังมีความยากจนอยู่ จะต้องหายจนให้ได้ในปีหน้า”
ซึ่งก็คือปีนี้นี่เเหละ และที่หากทำได้จริงๆ หลังเลือกตั้งไม่ว่าเขาจะอยู่พรรคไหน รับรองว่า จะได้รับคะแนนเสียงท่วมท้นอย่างแน่นอน
